คาดราคาทองคำอาจปรับตัวขึ้นได้ต่อจากนโยบายทรัมป์ 2.0
Gold Bullish
- ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น
- ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง
- แรงซื้อทองคำก่อนเทศกาลตรุษจีน
- ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ จากนโยบายทรัมป์ 2.0
Gold Bearish
- เฟดชะลอการปรับลดดอกเบี้ย
คาดราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้ต่อ จากนโยบายทรัมป์ 2.0
ราคาทองคำยังคงปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง นับตั้งแต่ต้นปีราคาทองคำโลกได้ปรับตัวขึ้นไปกว่า 2.5% ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศปรับตัวขึ้นกว่า 3.2% ซึ่งราคาทองคำปรับตัวขึ้นจากแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย จากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ เกี่ยวกับความกังวลนโยบายทรัมป์ 2.0
นักลงทุนยังคงจับตาการเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการของนายโดนัลด์ ทรัมป์ในวันที่ 20 ม.ค.2568 ที่กำลังใกล้เข้ามาถึงนี้ ซึ่งอาจส่งผลต่อตลาดการเงิน ตลาดการลงทุนทั่วโลก ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์จะกล่าวคำสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ในเวลา 12.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (24.00 น.ตามเวลาไทย) ที่บริเวณหน้าอาคารรัฐสภาสหรัฐฯ โดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ได้ให้คำมั่นว่าจะใช้เวลาในช่วงบ่ายลงนามในคำสั่งบริหารมากกว่า 20 ฉบับ สิ่งที่ต้องจับตา คือ นโยบายภายใต้การทำงานของรัฐบาลนายโดนัลด์ ทรัมป์ 100 วันหลังจากที่ทรัมป์ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ คาดว่าหนึ่งในนั้น ทรัมป์คงเร่งจัดการปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยทรัมป์มีแผนพบกับปูติน ปัญหาเศรษฐกิจสหรัฐ และการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจีนเป็นอันดับแรกๆ รวมถึงอาจมีคำสั่งที่ให้อำนาจเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองมากขึ้นในการจับกุมผู้อพยพที่ไม่มีประวัติอาชญากรรม ส่งทหารเพิ่มเติมไปยังชายแดนสหรัฐฯ-เม็กซิโก และเริ่มการก่อสร้างกำแพงชายแดนอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ถ้าถามถึงชาวอเมริกาต้องการให้ทรัมป์จัดการเรื่องอะไรก่อนเป็นอันดับแรก โดยโพลสำรวจจากรอยเตอร์/อิปซอสส์ เปิดเผยว่า ชาวอเมริกันมองว่าเงินเฟ้อเป็นประเด็นสำคัญที่สุดที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐฯ ควรจัดการในช่วง 100 วันแรกหลังเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 ม.ค. 2568 รองลงมาคือ นโยบายคนเข้าเมือง และการจ้างงานและเศรษฐกิจโดยรวม
ซึ่งนโยบายของทรัมป์ 2.0 อาจส่งผลต่อตลาดการเงินการลงทุนทั่วโลก ขึ้นกับว่านโยบายของทรัมป์จะส่งผลกระทบรุนแรงมากน้อยเพียงใด ประกอบกับล่าสุดทรัมป์ขู่อาจใช้คำสั่งประธานาธิบดีตามกฎหมายอำนาจฉุกเฉินทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (International Economic Emergency Powers Act) หรือ IEEPA เพื่อประกาศใช้นโยบายตั้งกำแพงภาษี โดย IEEPA จะให้อำนาจประธานาธิบดีในการควบคุมการนำเข้าสินค้าในยามที่สหรัฐประสบวิกฤตการณ์ ซึ่งการใช้อำนาจฉุกเฉินภายใต้ IEEPA อาจสร้างความไม่แน่นอนในระบบเศรษฐกิจและการค้าโลก หากนโยบายดังกล่าวนำไปสู่สงครามการค้าระหว่างประเทศ สหรัฐอาจเผชิญกับการตอบโต้จากประเทศคู่ค้า เช่น การตั้งกำแพงภาษีตอบโต้ หรือการจำกัดการส่งออกสินค้าสำคัญ นอกจากนี้ การเพิ่มกำแพงภาษีอาจผลักดันให้ต้นทุนสินค้านำเข้าสูงขึ้น ส่งผลต่อราคาสินค้าในประเทศและอัตราเงินเฟ้อที่อาจเร่งตัวขึ้น ในช่วงที่เศรษฐกิจเผชิญความไม่แน่นอน ทองคำมักถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย นักลงทุนจึงเพิ่มการลงทุนในทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ การคาดการณ์ว่าผลกระทบจากนโยบายดังกล่าวอาจยืดเยื้อ ทำให้อุปสงค์ทองคำเพิ่มขึ้นทั้งจากนักลงทุนรายย่อยและธนาคารกลางทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าช่วงแรกนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์อาจทำให้ดอลลาร์แข็งค่า จากนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ที่มีโอกาสทำให้เกิดการแข็งค่าของดอลลาร์ ได้แก่ นโยบายการลดภาษีและการกระตุ้นเศรษฐกิจ หากทรัมป์ใช้มาตรการลดภาษีอีกครั้ง จะเพิ่มกระแสเงินทุนเข้าสู่สหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น การลงทุนภายในประเทศ โดยทรัมป์มีแนวโน้มสนับสนุนการผลิตในสหรัฐฯ และลดการพึ่งพาสินค้านำเข้า ซึ่งทรัมป์เคยแสดงจุดยืนสนับสนุนอุตสาหกรรมภายในประเทศและลดการพึ่งพาสินค้านำเข้า ซึ่งช่วยส่งเสริมการใช้จ่ายและการผลิตภายในประเทศ ในกรณีที่ทรัมป์ผลักดันนโยบายนี้อีกครั้ง ความต้องการใช้เงินดอลลาร์ในประเทศก็จะสูงขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์มีโอกาสแข็งค่าตามไปด้วย มาตรการการค้าข้ามประเทศที่เข้มงวด: ทรัมป์อาจใช้มาตรการตั้งภาษีสินค้านำเข้า (tariffs) และข้อจำกัดทางการค้าเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมภายในสหรัฐฯ การใช้มาตรการดังกล่าวอาจกระตุ้นให้เกิดความต้องการดอลลาร์ในประเทศและช่วยเพิ่มการปกป้องเงินดอลลาร์จากตลาดโลก อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ อาจไม่ได้กดดันราคาทองคำให้ปรับตัวลงมากนัก เพราะความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนเศรษฐกิจและการเมืองของสหรัฐ ทำให้ราคาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย (Safe Haven) อาจปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนหันมาถือครองทองคำเพื่อลดความเสี่ยง นอกจากนี้การเข้ารับตำแหน่งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อาจมีความเสี่ยงทำให้เกิดความไม่แน่นอนทางการเมือง โดยนักลงทุนยังคงจับตามองสถานการณ์ทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับทรัมป์ ซึ่งอาจสร้างความผันผวนให้ตลาดการเงินในระยะสั้น
ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้ต่อ อย่างไรก็ตามให้ระวังแรงเทขายออกมาในช่วงภายหลังเทศกาลตรุษจีน โดยราคาทองคำมีแนวรับ 2,640 ดอลลาร์ หากหลุดจะมีแนวรับถัดไปที่ 2,620 ดอลลาร์ และมีแนวต้านที่ 2,700 ดอลลาร์ และ 2,720 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองคำแท่งในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นในกรอบจำกัด โดยมีแนวรับ 43,900 บาท และแนวรับถัดไป 43,800 บาท ส่วนแนวต้าน 44,250 บาท และแนวต้าน 44,500 บาท