ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (28 ม.ค.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดในแดนบวกเช่นกัน โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) ซึ่งรวมถึงหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) หลังจากหุ้นดังกล่าวร่วงลงอย่างหนักในวันจันทร์
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,850.35 จุด เพิ่มขึ้น 136.77 จุด หรือ +0.31%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,067.70 จุด เพิ่มขึ้น 55.42 จุด หรือ +0.92% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,733.59 จุด เพิ่มขึ้น 391.75 จุด หรือ +2.03%
ดัชนี Nasdaq ดีดตัวขึ้นกว่า 2% ขณะที่หุ้นอินวิเดียซึ่งเป็นผู้ผลิตชิป AI รายใหญ่ของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น 8.9% โดยราคาหุ้นฟื้นตัวหลังจากที่ดิ่งลงรุนแรงถึง 17% ในวันจันทร์และส่งผลให้มูลค่าตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ของบริษัททรุดตัวลงเกือบ 6 แสนล้านดอลลาร์ ทำสถิติปรับตัวลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในดัชนี S&P500 พุ่งขึ้น 3.6% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. 2567 ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ ดีดตัวขึ้น 1.1%
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีถูกเทขายอย่างหนัก หลังจากบริษัทดีปซีค (DeepSeek) ซึ่งเป็นธุรกิจสตาร์ตอัปของจีนได้เปิดตัวโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าแชตบอตระดับโลกอย่าง ChatGPT ของบริษัทโอเพนเอไอ (OpenAI) โดยใช้ต้นทุนน้อยกว่าและสามารถทำงานบนชิปที่มีขีดความสามารถต่ำกว่า ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของบริษัทเทคโนโลยี AI ชั้นนำในสหรัฐฯ
ริค เมคเลอร์ หุ้นส่วนของบริษัท Cherry Lane Investments กล่าวว่า ตลาดดีดตัวขึ้นในวันอังคารตามที่เราคาดการณ์ไว้ หลังจากที่นักเก็งกำไรได้เข้ามาช้อนซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นบริษัทที่ทำธุรกิจ AI นอกจากนี้ นักลงทุนที่ซึมซับกระแสข่าวเกี่ยวกับ DeepSeek ก็ได้กลับเข้ามาซื้อหุ้นในตลาดเช่นกัน หลังจากมองว่าพวกเขาไม่ค่อยรู้อะไรมากนักเกี่ยวกับธุรกิจสตาร์ตอัปของจีนรายนี้
นักลงทุนรอดูการแสดงความเห็นของบริษัทเทคโนโลยีในกลุ่ม “Magnificent Seven” ที่จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงแอปเปิ้ล (Apple), ไมโครซอฟท์ (Microsoft), เทสลา (Tesla) และเมตา (Meta) เพื่อประเมินแนวโน้มธุรกิจของบริษัทเหล่านี้
หุ้นรอยัล แคริบเบียน (Royal Caribbean) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเรือสำราญรายใหญ่ของสหรัฐฯ ทะยานขึ้น 12% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการปีงบการเงิน 2568 ที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นโบอิ้ง (Boeing) ปรับตัวขึ้น 1.5% แม้บริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนในไตรมาส 4/2567 ที่สูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
หุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ร่วงลง 8.9% โดยแม้ว่าบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 4/2567 แต่นักลงทุนกังวลว่าธุรกิจของ GM จะได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐฯ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ลดลง 2.2% ในเดือนธ.ค. หลังจากลดลง 2.0% ในเดือนพ.ย.
ขณะที่ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจเปิดเผยผลสำรวจระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 104.1 ในเดือนม.ค. จากระดับ 109.5 ในเดือนธ.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 105.6
นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันนี้ (29 ม.ค.) ตามเวลาสหรัฐฯ รวมทั้งจับตาถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์