Gold Bullish
- ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย
- ความไม่แน่นอนของการขยายเพดานหนี้สหรัฐที่ระดับ 31.4 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
- การใกล้ยุติวงจรขาขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
- ความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตภาคธนาคาร
Gold Bearish
- การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครนที่มีความคืบหน้ามากขึ้น
ทองคำทำ All-Time High เฟดส่งสัญญาณยุติวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น
สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำมีความผันผวนอย่างมาก โดยช่วงกลางสัปดาห์ราคาทองคำ Spot ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 2,078 ดอลลาร์ ซึ่งปรับตัวขึ้นสูงกว่า high เดิมของปีนี้ที่ทำไว้ และยังถือว่าเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All Time High) จากที่ high เดิมที่เคยทำไว้ที่ 2,074 ดอลลาร์ในปี 2563 หลังจากเฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00%-5.25% เป็นไปตามคาด ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2550 แต่เฟดส่งสัญญาณยุติวงจรปรับขึ้นดอกเบี้ย รวมถึงปัจจัยหนุนจากความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตภาคธนาคารของสหรัฐ อาจยืดเยื้อ จากที่แพคเวสต์ แบงคอร์ป (PacWest Bancorp) ส่อแววส่งสัญญาณอาจเป็นธนาคารรายต่อไปที่จะต้องเผชิญปัญหา อย่างไรก็ตาม ในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมาราคาทองคำปรับตัวลงแรง หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ทำให้เกิดความกังวลว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในการประชุมเดือนมิ.ย.
.
ระยะสั้นทองคำปรับฐาน จับตาการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐ
ในสัปดาห์ที่แล้วที่เยลเลนออกมาเตือนสหรัฐอาจจะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้ภายในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ ซึ่งถือว่าเดือนนี้เป็นเดือนสุดท้ายแล้วสภาคองเกรสต้องเร่งปรับเพิ่มเพดานหนี้ เนื่องจากหากสภาคองเกรสไม่อนุมัติการเพิ่มเพดานหนี้ก็อาจจะนำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้ และอาจเกิดความเสี่ยงในการผิดชำระหนี้ที่อาจจะเกิดขึ้นในเดือนก.ค. หรือเดือนส.ค. ได้เช่นกัน แม้ว่าสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะผ่านร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้แล้วก็ตาม แต่ยังมีความเห็นที่ขัดแย้งในวุฒิสภาที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมาก ซึ่งอาจทำให้ร่างกฎหมายดังกล่าวไม่ผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา เพราะร่างกฎหมายนั้นพ่วงด้วยข้อเสนอให้รัฐบาลสหรัฐลดการใช้จ่ายในช่วง 10 ปีข้างหน้า และถึงแม้จะผ่านจากวุฒิสภาสหรัฐ ก็มีความเป็นไปได้ว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดนจะใช้สิทธิวีโต้คัดค้าน
.
ทั้งนี้ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น สหรัฐอาจโดยปรับลดอันดับเครดิต ต้นทุนการกู้ยืมของธุรกิจและอสังหาจะเพิ่มขึ้น รวมถึงความเชื่อมั่นผู้บริโภคจะลดลง ซึ่ง ณ ขณะนี้ ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับวิกฤติภาคธนาคารที่อาจจะยืดเยื้อ และหากสหรัฐเกิดปัญหาเกี่ยวกับเพดานหนี้ ก็ยิ่งสร้างความตื่นตระหนกในตลาดการเงินยิ่งขึ้น แล้วนำไปสู่เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย ท่ามกลางเงินเฟ้อยังสูงอยู่ ซึ่งโกลด์แมน แซคส์ก็ได้ประเมินว่าหากไม่มีการปรับขึ้นเพดานหนี้ จะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจราว 1 ใน 10 ของสหรัฐหยุดชะงักทันที และเกิดทำให้เกิดการสูญเสียงานกว่า 3 ล้านตำแหน่ง ส่งผลต่อมูลค่าและสถานะของสกุลเงินสำรองของโลก ทั้งกระทบต่อความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐ ทำให้นักลงทุนเทขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และทำให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ทั้งนี้ผลกระทบดังกล่าวจะสะเทือนไปทั่วตลาด เนื่องจากเงินสำรองเงินตราต่างประเทศมากกว่าครึ่งหนึ่งของโลกถูกครองอยู่ในรูปของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งหากดอลลาร์ด้อยค่าลง ทำให้มูลค่าเงินสำรองจะลดลง ขณะประเทศที่มีรายได้น้อย แต่มีหนี้สาธารณะจำนวนมาก เงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า ทำให้หนี้ในสกุลอื่นค่อนข้างสูงขึ้น แล้วอาจทำให้ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่บางประเทศเข้าสู่วิกฤตหนี้ได้
.
อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าสภาคองเกรสจะสามารถผ่านร่างกฤหมายเพิ่มเพดานหนี้ได้ในที่สุด ซึ่งอาจทำให้ปัญหาระยะสั้นคลี่คลาย ทำให้ราคาทองคำอาจปรับตัวลงในระยะสั้น
หลังจากที่ราคาทองคำ Spot ปรับขึ้นทำ All-time high ที่ 2,078 ดอลลาร์และแท่งเทียนรายวันมีลักษณะเป็น Three white soldiers แต่สัญญาณจาก MACD เริ่มอ่อนแรงสวนทางกับราคาทองคำที่พุ่งสูง ทำให้เกิดสัญญาณ Bearish Divergence ขณะที่เกิดแรงเทขายออกมามากในวันศุกร์ จึงยังคาดว่าราคาทองคำอาจเกิดการปรับฐานได้