ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยในวันอังคาร (16 เม.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ต่างก็ปิดในแดนลบ หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 37,798.97 จุด เพิ่มขึ้น 63.86 จุด หรือ +0.17%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,051.41 จุด ลดลง 10.41 จุด หรือ -0.21% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,865.25 จุด ลดลง 19.77 จุด หรือ -0.12%
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มสาธารณูปโภค ร่วงลง 1.53% และ 1.36% ตามลำดับ ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น 0.23%
นายพาวเวลได้กล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนาซึ่งจัดขึ้นที่กรุงวอชิงตันเมื่อวานนี้ว่า “ข้อมูลเมื่อไม่นานมานี้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง ส่วนตัวเลขเงินเฟ้อนั้น แม้ว่าจะชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้เฟดมีความมั่นใจว่าเงินเฟ้อจะปรับตัวลงสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% ด้วยเหตุนี้ เฟดจึงจำเป็นต้องตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่เราเคยคาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น”
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นทันทีหลังจากนายพาวเวลส่งสัญญาณตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูง โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีซึ่งมีความอ่อนไหวต่อทิศทางอัตราดอกเบี้ยเฟด พุ่งขึ้นเหนือระดับ 5% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีทะยานขึ้นแตะระดับ 4.657% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย. 2566
เจมส์ อูบิน นักวิเคราะห์จากบริษัท Sierra Mutual Funds ในรัฐแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า “นักลงทุนพยายามหาความสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐซึ่งขณะนี้อยู่ในทิศทางที่ดี และในขณะเดียวกันก็ประเมินภาพรวมของเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย ซึ่งท้ายที่สุดแล้วปัจจัยอย่างหลังนี้ได้ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาด”
หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ (UnitedHealth) ซึ่งเป็นบริษัทด้านสุขภาพรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 5.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 1/2567 อยู่ที่ 7.16 ดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 6.61 ดอลลาร์
การพุ่งขึ้นของหุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์เป็นปัจจัยหนุนดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นกว่า 100 จุดในช่วงแรก ก่อนที่ดาวโจนส์จะลดช่วงบวกในเวลาต่อมา หลังจากนายพาวเวลส่งสัญญาณตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาด
หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 2.5% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรในไตรมาส 1/2567 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ โดยได้แรงหนุนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจวาณิชธนกิจ ส่วนหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 3.5% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรลดลงไตรมาส 1/2567 หลังจากธนาคารเพิ่มเงินกันสำรองหนี้สูญ
หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ร่วงลง 2.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 1/2567 อันเนื่องมาจากการชะลอตัวลงของยอดขายยา “Stelara” ซึ่งเป็นยารักษาโรคสะเก็ดเงิน (psoriasis)
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 14.7% สู่ระดับ 1.321 ล้านยูนิตในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.487 ล้านยูนิต และถือเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2563
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดขายบ้านมือสองเดือนมี.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนมี.ค.จาก Conference Board
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์