ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันพฤหัสบดี (25 เม.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่ขยายตัวต่ำกว่าคาดและตัวเลขเงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้นในไตรมาส 1/2567 นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากแรงขายหุ้นที่มีทุนจดทะเบียนสูง หลังจากบริษัทเมตา แพลตฟอร์มเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 38,085.80 จุด ลดลง 375.12 จุด หรือ -0.98%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,048.42 จุด ลดลง 23.21 จุด หรือ -0.46% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,611.76 จุด ลดลง 100.99 จุด หรือ -0.64%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลข GDP ในไตรมาส 1/2567 ขยายตัวเพียง 1.6% ซึ่งเป็นการขยายตัวต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.4% โดยตัวเลข GDP ที่มีการเปิดเผยล่าสุดนี้เป็นการประมาณการครั้งที่ 1
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในไตรมาส 1/2567 พุ่งขึ้น 3.4% ซึ่งสูงกว่าในไตรมาส 4/2566 ที่ปรับตัวขึ้น 1.8% ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน พุ่งขึ้น 3.7% สูงกว่าในไตรมาส 4/2566 ที่เพิ่มขึ้น 2.0%
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐได้เปิดเผยดัชนี PCE ประจำไตรมาส 1/2567 ก่อนที่จะเปิดเผยดัชนี PCE ประจำเดือนมี.ค.ในวันนี้ (26 เม.ย.) โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
คริส ลาร์คิน กรรมการผู้จัดการฝ่ายการซื้อขายและการลงทุนจากบริษัท E*Trade กล่าวว่า ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่าสหรัฐกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวแต่เงินเฟ้อกลับสูงขึ้น (Stagflation) ซึ่งอาจทำให้เฟดประสบกับความยากลำบากในการดำเนินนโยบายการเงิน ส่วนแนวโน้มในระยะสั้นนั้น เราคาดว่าตัวเลขเศรษฐกิจเหล่านี้จะส่งผลให้ตลาดเผชิญกับความไม่แน่นอน
การเปิดเผย GDP ที่ต่ำกว่าคาดและตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในไตรมาส 1 ทำให้นักลงทุนลดความคาดหวังที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวในปีนี้
หุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารร่วงลงหนักที่สุดในบรรดาหุ้นที่คำนวณในดัชนี S&P500 หลังจากบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ คาดการณ์ว่ายอดขายในไตรมาส 2/2567 จะอยู่ในช่วง 3.65-3.90 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยค่ากลางของกรอบคาดการณ์ดังกล่าวอยู่ที่ 3.775 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์เฉลี่ยของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 3.83 หมื่นล้านดอลลาร์
ตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการที่น่าผิดหวังของเมตาได้สร้างความวิตกกังวลให้กับนักลงทุน ก่อนการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทอื่นๆ ในกลุ่มเทคโนโลยี โดยไมโครซอฟท์และอัลฟาเบท มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการหลังจากตลาดปิดทำการ
หุ้นอินเตอร์เนชั่นแนล บิสซิเนส แมชชีน (IBM) ดิ่งลง 8.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ที่ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 1/2567 นอกจากนี้ หุ้น IBM ยังร่วงลงหลังจากบริษัทประกาศว่าจะเข้าซื้อกิจการฮาชิคอร์ป (HashiCorp) ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์ระบบคลาวด์
หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องมือก่อสร้างรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 7% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ยอดขายในไตรมาส 2/2567 เนื่องจากอุปสงค์เครื่องมือก่อสร้างชะลอตัวลง
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่น ๆ ที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 5,000 ราย สู่ระดับ 207,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 214,000 ราย
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เพิ่มขึ้น 3.4% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้นเพียง 0.4%
ทั้งนี้ ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย เป็นมาตรวัดจำนวนสัญญาซื้อบ้านมือสองที่มีการเซ็นสัญญาแล้วแต่ยังไม่ได้ปิดการขาย และโดยปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนสำหรับการเซ็นสัญญาจนกระทั่งปิดการขาย
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์