ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (5 ก.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ถึงตลาดแรงงานของสหรัฐที่อ่อนแอลงนั้นเป็นปัจจัยหนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างเร็วที่สุดในเดือนก.ย.ปีนี้
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,375.87 จุด เพิ่มขึ้น 67.87 จุด หรือ +0.17%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,567.19 จุด เพิ่มขึ้น 30.17 จุด หรือ +0.54% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 18,352.76 จุด เพิ่มขึ้น 164.46 จุด หรือ +0.90%
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์บวก 0.66%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.95% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 3.5%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นโดยได้แรงหนุนจากหุ้นขนาดใหญ่ อาทิ ไมโครซอฟท์ ซึ่งพุ่งขึ้นเกือบ 1.5% ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส ปิดที่ระดับสูงสุดตลอดกาล โดยพุ่งขึ้นราว 5.9% และหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศขึ้นสู่ระดับสูงเป็นประวัติการณ์
หุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารของดัชนี S&P500 แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2543
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยข้อมูลในวันศุกร์บ่งชี้ว่า การจ้างงานในสหรัฐชะลอตัวลงเล็กน้อยในเดือนมิ.ย. และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบกว่า 2 ปีครึ่ง ขณะที่การเพิ่มขึ้นของค่าแรงชะลอตัวลง
บรรดานักลงทุนคาดว่า ข้อมูลดังกล่าวอาจกระตุ้นให้เกิดการอภิปรายกันมากขึ้นเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยเฟดจะประชุมกันในปลายเดือนนี้
เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME บ่งชี้ว่า โอกาสที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนก.ย.เพิ่มขึ้นเป็น 79% จาก 66% ก่อนการเปิดเผยข้อมูลจ้างงาน
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 206,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ใกล้เคียงกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 200,000 ตำแหน่ง และชะลอตัวจากระดับ 218,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค.
ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 4.1% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2564 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.0%
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์