ข่าวสารการลงทุน

ดาวโจนส์ปิดลบ 382.15 จุด กังวลนโยบายทรัมป์ทำเงินเฟ้อพุ่ง

13 พฤศจิกายน 2567|08:59 น.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (12 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไรหลังจากตลาดทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่งในช่วงหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร รวมทั้งความกังวลว่านโยบายต่าง ๆ ของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาจจะส่งผลให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจและเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)

          ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 43,910.98 จุด ลดลง 382.15 จุด หรือ -0.86%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,983.99 จุด ลดลง 17.36 จุด หรือ -0.29% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,281.40 จุด ลดลง 17.36 จุด หรือ -0.09%

          ดัชนีตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่รู้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เนื่องจากนักลงทุนขานรับนโยบายของทรัมป์ซึ่งรวมถึงการปรับลดภาษีของภาคเอกชน และการผ่อนคลายกฎระเบียบในภาคส่วนต่าง ๆ แต่ตลาดอ่อนแรงลงเมื่อคืนนี้ หลังจากนักลงทุนเริ่มกังวลว่านโยบายของทรัมป์จะส่งผลให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น

          แจ็ค แอบลิน ประนเจ้าหน้าที่บริหารด้านการลงทุนจากบริษัท Cresset Capital กล่าวว่า การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ อายุ 10 ปีเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาด เนื่องจากนักลงทุนเริ่มกังวลว่าการปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า การปรับลดภาษีของภาคเอกชน และการใช้มาตรการเข้มงวดกับผู้อพยพของรัฐบาลทรัมป์อาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ เผชิญกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ

          ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 4.44% เมื่อคืนนี้

          รัสเซลล์ ไพรซ์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จากบริษัท Ameriprise Financial กล่าวว่า นอกจากแรงขายทำกำไรแล้ว การที่ตลาดหุ้นในต่างประเทศร่วงลงก็เป็นอีกปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนลบเช่นกัน โดยดัชนี STOXX 600 ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงเกือบ 2% หลังจากเจ้าหน้าที่ของธนาคารกลางยุโรป (ECB) เตือนว่า การที่ทรัมป์ปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก

          หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนลบ นำโดยหุ้นกลุ่มวัสดุร่วงลง 1.57% ตามด้วยหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ร่วงลง 1.34% ส่วนหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารปรับตัวขึ้น 0.51% และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น 0.45%

          หุ้นบางตัวที่เคยได้รับแรงหนุนจากชัยชนะของทรัมป์ปรับตัวลง โดยหุ้นเทสลา (Tesla) ปิดตลาดดิ่งลง 6% หลังจากทะยานขึ้นเกือบ 40% นับตั้งแต่วันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ

          หุ้นแอมเจน (Amgen) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐฯ ร่วงลงกว่า 7% และเป็นปัจจัยกดดันดัชนีดาวโจนส์ หลังจากที่หุ้นแอมเจนถูกทุบขายในช่วงท้ายตลาด

          นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด โดยในวันนี้จะมีการรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนต.ค. ส่วนในวันพรุ่งนี้จะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค. จากนั้นในวันศุกร์จะมีการรายงานยอดค้าปลีกเดือนต.ค.และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์

แชร์บทความนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

 
ตลาดทองคำ

ทองปิดลบ $11.40 เหตุดอลล์แข็ง-บอนด์ยีลด์พุ่งทุบตลาด

08:56 น.

 
เงินบาท

เงินบาทเปิด 34.61/66 อ่อนค่า รอปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง จับตาดัชนี CPI-PPI สหรัฐฯ สัปดาห์นี้

10:29 น.

 
พาวเวล

“พาวเวล” ชี้การลดดอกเบี้ยจำเป็นต่อเศรษฐกิจ ลั่นไม่ลาออกแม้ “ทรัมป์” ร้องขอ

09:32 น.

 
FOMC

*คำต่อคำ: แถลงการณ์ประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ เดือนพ.ย. 2567

09:29 น.

คำถามที่พบบ่อย

เกี่ยวกับเรา

พูดคุยกับเรา

พบเจอปัญหา หรือมีข้อสงสัย
ทักหาเราได้เลยที่นี่

เวลาทำการลูกค้าสัมพันธ์
จันทร์ - ศุกร์ 08.30 น. - 24.00 น.
เสาร์ - อาทิตย์ 08.30 น. - 17.30 น.

For the best experience, we recommend viewing the site in portrait orientation on mobile devices.

ตะกร้าสินค้า0
ไม่มีสินค้าในตะกร้า
เลือกซื้อสินค้าต่อ
This site is registered on wpml.org as a development site. Switch to a production site key to remove this banner.