ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 ในวันจันทร์ (23 ก.ย.) โดยดาวโจนส์ และ S&P500 ต่างก็ปิดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50% ในการประชุมสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในวันศุกร์นี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,124.65 จุด เพิ่มขึ้น 61.29 จุด หรือ +0.15%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,718.57 จุด เพิ่มขึ้น 16.02 จุด หรือ +0.28% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,974.27 จุด เพิ่มขึ้น 25.95 จุด หรือ +0.14%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้ปัจจัยบวกการที่เฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมเมื่อวันพุธที่ 18 ก.ย. และเจ้าหน้าที่เฟดหลายคนซึ่งรวมถึงราฟาเอล บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตา, นีล แคชแครี ประธานเฟดสาขามินนีแอโพลิส และออสตัน กูลส์บี ประธานเฟดสาขาชิคาโก ต่างก็สนับสนุนการตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมครั้งนี้ และยังกล่าวสนับสนุนให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกในปีนี้
เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าในการประชุมเดือนพ.ย.นี้ เฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากกว่าที่ปรับลดในการประชุมเมื่อวันที่ 18 ก.ย. หลังจากคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟดได้แสดงความเห็นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า ตัวเลขเงินเฟ้อที่จะมีการเปิดเผยในเร็ว ๆ นี้ อาจจะอยู่ต่ำกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2%
แต่หลังจากนั้น การคาดการณ์เป็นไปอย่างผันผวน โดยข้อมูลล่าสุดจาก LSEG บ่งชี้ว่า ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดอาจจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงรวมทั้งสิ้น 0.74% ภายในสิ้นปีนี้
หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น 1.31% ตามด้วยดัชนีหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยพุ่งขึ้น 1.30% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์และกลุ่มบริการด้านการสื่อสารปรับตัวลงมากที่สุด โดยลดลง 0.25% และ 0.15% ตามลำดับ
หุ้น Tesla และหุ้น Meta Platforms ซึ่งต่างก็เป็นหุ้นเติบโต (Growth Stocks) ที่มีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ปรับตัวขึ้น 4.65% และ 0.6% ตามลำดับ หลังจากนักวิเคราะห์ของ Citigroup ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นของทั้งสองบริษัท
หุ้น Intel พุ่งขึ้น 3.05% หลังจากสื่อรายงานว่าบริษัท Apollo เสนอการลงทุนในอินเทลซึ่งเป็นผู้ผลิตชิป ด้วยจำนวนเงินมากถึง 5 พันล้านดอลลาร์
หุ้น General Motors (GM) ปรับตัวลง 1.72% หลังจากนักวิเคราะห์ของ Bernstein ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้น GM ลงสู่ระดับ “Market Perform” จากระดับ “Outperform”
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนี PCE ประจำเดือนส.ค.ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ในการประชุมว่าด้วยตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขานิวยอร์กเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในวันพฤหัสบดีที่ 26 ก.ย.เวลา 09.20 น.ตามเวลาสหรัฐฯ หรือ 20.20 น.ตามเวลาไทย
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์