สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (26 พ.ย.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามในยูเครนและข่าวโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เรียกเก็บภาษีการค้าจากเม็กซิโก แคนาดา และจีน เป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 2.80 ดอลลาร์ หรือ 0.10% ปิดที่ 2,621.30 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 17.1 เซนต์ หรือ 0.56% ปิดที่ 30.832 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 14.60 ดอลลาร์ หรือ 1.55% ปิดที่ 929.90 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 6.30 ดอลลาร์ หรือ 0.64% ปิดที่ 996.80 ดอลลาร์/ออนซ์
ปีเตอร์ แกรนท์ นักกลยุทธ์ด้านการซื้อขายโลหะจากบริษัท Zaner Metals กล่าวว่า แม้ข่าวการบรรลุข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนอาจจะทำให้ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ลดน้อยลง แต่ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนที่มีแนวโน้มลุกลามบานปลายนั้น ยังคงเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย โดยเขาคาดว่าในระยะใกล้นี้ ราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบ 2,575 – 2,750 ดอลลาร์
ทางด้านอังเกลา แมร์เคิล อดีตนายกรัฐมนตรีเยอรมนีได้ออกมาเตือนถึงแสนยานุภาพทางทหารของรัสเซีย และแนะนำว่าทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งในยูเครนต้องทำทุกวิถีทางเพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้อาวุธนิวเคลียร์
นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าทุกประเภทจากเม็กซิโกและแคนาดาในอัตรา 25% เมื่อเขาเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 ม.ค. 2568 และจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10%
ที่มา สํานักข่าวอินโฟเควสท์