แนวโน้มราคาทอง
ฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย
- ราคาทองปรับตัวลง (-23.72) ดอลลาร์ คิดเป็น (-0.89%)
- ปิดตลาดที่ระดับ 2,634 ดอลลาร์
Gold spot
สูงสุด – 2,665 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,625 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 40,650 บาท
ต่ำสุด – 40,400 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำปรับลงแรง จากแรงกดดันเงินดอลลาร์แข็งค่า หลังจากประธานเฟดได้ส่งสัญญาณไม่รีบร้อนในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยเฟดมีแนวโน้มที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% จำนวน 2 ครั้ง รวมเป็น 0.50% ภายในสิ้นปีนี้ ทำให้ตลาดปรับมุมมองเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนพ.ย. ส่วนกองทุน SPDR ถือทองคำเท่าเดิม
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ย.โดย ISM ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 47.6 จาก 47.2 ในเดือนส.ค. และจำนวนตำแหน่งงานที่เปิดรับสมัคร ตลาดคาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 7.64 ล้านตำแหน่ง จาก 7.67 ล้านตำแหน่ง
วิเคราะห์ราคาทอง
เกิดแท่งเทียนสีแดงติดต่อกัน 2 แท่งเทียน ประกอบกับสัญญาณทางเทคนิคของราคาทองคำเริ่มไม่สดใส ซึ่งสัญญาณจาก Modified Stochastic ใน Timeframe Day เกิดเส้นตัดกันลงมา ทำให้ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวลง อย่างไรก็ตาม ใน Timeframe 60-120 นาทีมีสัญญาณฟื้นตัวขึ้น ซึ่งอาจฟื้นตัวขึ้นไม่มากนัก
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ : 2,625 และ 2,615 ดอลลาร์
แนวต้าน : 2,650 และ 2,660 ดอลลาร์
ราคาทองคำอาจฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ตามแนวโน้มหลักของราคาทองคำส่งสัญญาณการปรับตัวลงระยะสั้น หากเทรดดิ้งระยะสั้นแนะนำซื้อขายตามกรอบแนวรับแนวต้าน โดยเข้าซื้อบริเวณ 2,625 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,615 ดอลลาร์ หรือเปิดสถานะขายบริเวณ 2,650 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,660 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 40,350 และ 40,250 บาท
แนวต้าน : 40,600 และ 40,700 บาท
ราคาทองคำแท่งสามารถหลุดเส้น SMA100 และ เส้น SMA200 ลงมาได้ ประกอบกับสัญญาณทางเทคนิตจาก MACD และ Modified Stochastic ส่งสัญญาณการปรับตัวลงระยะสั้น ทั้งนี้แนะนำให้ชะลอการเข้าซื้อไปก่อน รอพิจารณาแถวบริเวณแนวรับสำคัญที่ 40,000 บาทอีกครั้ง