แนวโน้มราคาทอง
เคลื่อนไหวในกรอบแคบ
- ราคาทองปรับตัวขึ้น +21.2ดอลลาร์ คิดเป็น (+0.84%)
- ปิดตลาดที่ระดับ 2,516 ดอลลาร์
Gold spot
สูงสุด – 2,523 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,493 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 40,150 บาท
ต่ำสุด – 40,050 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นตั้งแต่ช่วงบ่าย โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนราคาทองคำดีดตัวขึ้นแรง จากดอลลาร์อ่อนค่าต่อเนื่อง และ Bond Yield ลดลง หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยการจ้างงานภาคเอกชนทั่วประเทศเดือนส.ค. ของ ADP ออกมาต่ำกว่าตลาดคาด ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2564 รวมถึงรัสเซียเตรียมซื้อเงินสกุลต่างประเทศและทองคำกว่า 1.729 แสนล้านรูเบิล หรือประมาณ 1.98 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนกองทุน SPDR ถือครองทองคำเท่าเดิม
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 164,000 ตำแหน่ง จากที่เพิ่มขึ้น 114,000 ตำแหน่ง อัตราการว่างงานเดือนส.ค. ตลาดคาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 4.2% จาก 4.3% และค่าจ้างเฉลี่ยต่อชั่วโมงเดือนส.ค.
วิเคราะห์ราคาทอง
มีแรงซื้อทองคำเข้ามาอย่างแข็งแกร่งนับตั้งแต่ช่วงบ่าย ดันราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงกลางวันนี้ ราคาทองคำอาจเคลื่อนไหวในกรอบแคบลง ระหว่าง 2,500-2,525 ดอลลาร์ โดยมีแนวรับ 2,500-2,505 ดอลลาร์ และแนวต้าน 2,525 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ : 2,500 และ 2,480 ดอลลาร์
แนวต้าน : 2,525 และ 2,530 ดอลลาร์
หากชอบความเสี่ยง สามารถเทรดดิ้งระยะสั้นตามกรอบแนวรับแนวต้านระหว่าง 2,500-2,525 ดอลลาร์ โดยเปิด Short position บริเวณ 2,525 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,530 ดอลลาร์ และ Take profit บริเวณ 2,500 ดอลลาร์ หรือเข้าซื้อบริเวณ 2,500 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,490 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 39,950 และ 39,750 บาท
แนวต้าน : 40,150 และ 40,200 บาท
แม้ราคาทองคำโลกจะปรับตัวขึ้น แต่ราคาทองคำแท่งในประเทศได้ถูกกดดันจากค่าเงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วแตะ 33.51 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเงินบาทแข็งค่ามากสุดในรอบเกือบ 15 เดือน จาก Fund Flow ไหลเข้าในตลาดพันธบัตรและตลาดหุ้น ทั้งนี้คาดว่าแนวโน้มราคาทองคำแท่งอาจปรับตัวลงได้ต่อ และมีโอกาสหลุด 40,000 บาท