แนวโน้มราคาทอง
ระวังแรงขายที่ 2,720$
- ราคาทองปรับตัวขึ้น +47.17 ดอลลาร์ คิดเป็น (+1.77%)
- ปิดตลาดที่ระดับ 2,705 ดอลลาร์
Gold spot
สูงสุด – 2,710 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,643 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 43,300 บาท
ต่ำสุด – 43,200 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำเริ่มมีการฟื้นตัวและปรับตัวขึ้นแรง จากดอลลาร์อ่อนค่าลง ซึ่งเฟดมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% นอกจากนี้ประธานเฟดแถลงมั่นใจเศรษฐกิจสหรัฐ และเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวลง โดยประธานเฟดส่งสัญญาณลดดอกเบี้ยต่อไป ซึ่งชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีของทรัมป์จะไม่ส่งผลโดยตรงต่อนโยบายการเงินของเฟด การเมืองแทรกแซงเฟดไม่ได้ ส่วนกองทุน SPDR ขายทอง 2.88 ตัน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.ของม.มิชิแกน (เบื้องต้น) ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 71.0 จาก 70.5 ในเดือนต.ค.
วิเคราะห์ราคาทอง
แม้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรง หลังจากยืนเหนือบริเวณแนวรับของเส้น SMA50 ได้แถว 2,635-2,640 ดอลลาร์ ทำให้เกิดการฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม ในสัญญาณทางเทคนิคจาก Modified Stochastic ยังไม่ได้เกิดสัญญาณซื้อ ใน Timeframe Day ระยะสั้นจึงให้ระวังแรงขาย หากไม่ผ่านแนวต้านบริเวณ 2,720 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ : 2,685 และ 2,670 ดอลลาร์
แนวต้าน : 2,720 และ 2,730 ดอลลาร์
แม้ราคาทองคำจะฟื้นตัวขึ้น แต่ให้ระวังแรงเทขาย หากไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 2,720 ดอลลาร์ ทั้งนี้สามารถเปิด Short position บริเวณ 2,720 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,730 ดอลลาร์ และ Take profit บริเวณที่ 2,645 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 43,350 และ 43,200 บาท
แนวต้าน : 43,750 และ 43,800 บาท
คาดราคาทองคำแท่งอาจฟื้นตัวขึ้น หลังแตะบริเวณแนวรับของเส้น SMA20 ทั้งนี้คาดว่าราคาทองคำแท่งมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นระยะสั้น โดยราคาทองคำแท่งมีแนวต้านบริเวณที่ 43,750-43,800 บาท จับตาบริเวณแนวต้านดังกล่าว หากไม่ผ่านอาจมีแรงเทขายออกมา แนะนำ Wait & See หรือขายทำกำไรระยะสั้น