แนวโน้มราคาทอง
2,880-2,920 ดอลลาร์
- ราคาทองปรับตัวขึ้น +31.78 ดอลลาร์ คิดเป็น (+1.10%)
- ปิดตลาดที่ระดับ 2,916 ดอลลาร์
Gold spot
สูงสุด – 2,921 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,880 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 46,550 บาท
ต่ำสุด – 46,450 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำปรับตัวขึ้น จากแรงหนุนเงินดอลลาร์อ่อนค่า รวมถึงแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย จากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าที่มีต่อเศรษฐกิจทั่วโลก โดยล่าสุดปธน.ทรัมป์ประกาศเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากแคนาดาเป็น 50% จากเดิม 25% โดยจะมีผลบังคับใช้วันที่ 12 มี.ค. เพื่อตอบโต้ต่อการที่รัฐออนแทริโอของแคนาดาประกาศเรียกเก็บภาษีกระแสไฟฟ้าที่ส่งให้แก่สหรัฐฯ ในอัตรา 25% แม้ว่าตำแหน่งงานว่างเปิดใหม่จาก JOLTS
จะสูงเกินตลาดคาดก็ตาม ส่วนกองทุน SPDR ซื้อทอง 3.45 ตัน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (ทั่วไป) เทียบรายเดือนก.พ. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% จาก 0.5% และดัชนีราคาผู้บริโภค (พื้นฐาน) เทียบรายเดือนก.พ. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% จาก 0.4%
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองคำยังคงมีความผันผวน จากนโยบายของทรัมป์ 2.0 ซึ่งราคาทองคำได้ปรับตัวขึ้นและพยายามจะทะลุเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วันเมื่อวานนี้ อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำเริ่มมีแรงเทขายออกมาในช่วงเช้าวันนี้ ทำให้คาดว่าราคาทองคำยังคงเคลื่อนไหวระหว่าง 2,880-2,920 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ : 2,890 และ 2,880 ดอลลาร์
แนวต้าน : 2,920 และ 2,930 ดอลลาร์
หากเก็งกำไรระยะสั้น แนะนำซื้อขายตามกรอบแนวรับแนวต้าน โดยเปิดสถานะขายที่ 2,920 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,930 ดอลลาร์ ทั้งนี้แนะนำเน้นทำกำไรรอบสั้น ๆ ขณะเดียวกันสามารถเปิดสถานะซื้อเมื่อราคาทองคำปรับตัวลงมาบริเวณแนวรับ 2,880-2,890 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,870 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 46,350 และ 46,200 บาท
แนวต้าน : 46,600 และ 46,700 บาท
ราคาทองคำแท่งยังคงเคลื่อนไหวทรงตัว และยังคงเคลื่อนไหวใต้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 20 วัน แม้ราคาทองคำโลกปรับตัวขึ้น แต่ถูกกดดันด้วยเงินบาทแข็งค่า คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหว Sideways สักระยะ แนะนำ Wait & See และยังไม่มีสัญญาณการเข้าซื้อ