แนวโน้มราคาทอง
ลุ้นฟื้นตัวต่อ
- ราคาทองปรับตัวขึ้น +5.31 ดอลลาร์ คิดเป็น +0.20%
- ปิดตลาดที่ระดับ 2,652ดอลลาร์
Gold spot
สูงสุด – 2,664 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,643 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 42,900 บาท
ต่ำสุด – 42,850 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำปรับตัวลงเล็กน้อยจาก ขณะที่นักลงทุนเฝ้าจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันพรุ่งนี้ รวมถึงการแถลงของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า โดยล่าสุดตลาดประเมินโอกาสในการปรับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐในการประชุมครั้งนี้ลง 0.25% มีสูงกว่า 90% แล้ว และนอกจากนั้นในวันพรุ่งนี้ยังมีการประกาศดอกเบี้ย จากคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งน่าจะออกมาประกาศคงอัตราดอกเบี้ย หลังจากมีการปรับลดดอกเบี้ยในช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมาไปแล้ว
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐจะมีการประกาศยอดค้าปลีก (Retail Sales) และยอดค้าปลีกขั้นพื้นฐาน (Core Retail Sales) ของเดือน พฤศจิกายน ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าอาจยังคงปรับตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐในปีหน้า หากเศรษฐกิจยังคงร้อนแรง และเงินเฟ้อในระบบยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าเป้าหมายของ “เฟด”
วิเคราะห์ราคาทอง
ในช่วงต้นสัปดาห์ราคาทองคำเริ่มฟื้นตัว หลังเผชิญแรงขายจนราคาทองโลกลงมาทดสอบบริเวณแนวรับสำคัญที่ 2,645 ดอลลาร์ แต่ประเมินว่าราคาที่ฟื้นตัวขึ้นอาจมี Upside ค่อนข้างจำกัด และในวันพรุ่งนี้ราคาอาจผันผวนแรง จากการการประกาศดอกเบี้ยของไทย และสหรัฐฯ
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ : 2,650 และ 2,635 ดอลลาร์
แนวต้าน : 2,680 และ 2,695 ดอลลาร์
ราคาทองโลกในช่วงต้นสัปดาห์ มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อ หลังลงแนวรับสำคัญที่ 2,645 ดอลลาร์ แล้วมีแรงซื้อกลับขึ้นมา แต่ยังแนะนำใช้กลยุทธ์เชิงรับในการเข้าซื้อที่ 2,650 ดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่ 2,680 ดอลลาร์ และตัดขาดทุนหากทะลุระดับ 2,635 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 42,300 และ 42,000 บาท
แนวต้าน : 42,900 และ 43,100 บาท
ราคาทองคำแท่งที่ปรับตัวลงมา มองว่าเป็นจังหวะในการรอเข้าซื้อสะสมสำหรับนักลงทุนระยะสั้น และระยะยาว โดยแนะนำใช้กลยุทธ์เชิงรับรอเข้าซื้อที่ 42,300 บาท โดยมีเป้าทำกำไรที่ 42,900 บาท และตัดขาดทุนหากทะลุแนวรับที่ 42,100 บาท