แนวโน้มราคาทอง
ปรับตัวลง
- ราคาทองปรับตัวขึ้น +9.01 ดอลลาร์ คิดเป็น +0.34%
- ปิดตลาดที่ระดับ 2,593 ดอลลาร์
Gold spot
สูงสุด – 2,626 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,582 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 42,900 บาท
ต่ำสุด – 42,750 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวลงแรง ภายหลังการประชุมเฟด อย่างไรก็ตาม มีแรงเทขายออกมาในช่วงกลางคืน เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดี ซึ่งจีดีพีไตรมาส 3 ของสหรัฐขยายตัว 3.1% มากกว่าที่ตลาดคาดจะขยายตัว 2.8% และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลง 22,000 ราย เหลือ 220,000 ราย และยังต่ำกว่าตลาดคาด ทำให้ดอลลาร์แข็งค่า กดดันราคาทองคำ ส่วนกองทุน SPDR ขายทอง 3.16 ตัน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐฯ จะเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานเดือนพ.ย. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% จากเพิ่มขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค. ของม.มิชิแกน
วิเคราะห์ราคาทอง
แม้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นไปทดสอบบริเวณแนวต้าน 2,625 ดอลลาร์ แต่ยังไม่สามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวขึ้นไปได้ จึงเกิดแรงเทขายลงมา ทั้งนี้สัญญาณทางเทคนิคยังส่งสัญญาณการปรับตัวลง โดย MACD เกิด Bearish MACD ทำให้คาดว่าราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวลงได้
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ : 2,580 และ 2,560 ดอลลาร์
แนวต้าน : 2,610 และ 2,626 ดอลลาร์
หากราคาทองคำฟื้นตัวมายังบริเวณ 2,610 ดอลลาร์ แนะนำเปิดสถานะขายบริเวณ 2,610 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,620 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 42,400 และ 42,200 บาท
แนวต้าน : 42,700 และ 42,850 บาท
คาดว่าราคาทองคำแท่งมีแนวโน้มปรับตัวลงได้ต่อ หลังจากที่เกิดสัญญาณขาย (sell signal ) จากเส้น SMA20 ตัดเส้น SMA50 ลงมา ขณะที่เงินบาทอ่อนค่าทำให้ราคาทองคำแท่งปรับตัวลงไม่มากนัก แนะนำ Wait & see รอเข้าซื้อบริเวณแนวรับ 41,900 บาท