แนวโน้มราคาทอง
แรงขายทำกำไร
- ราคาทองปรับตัวขึ้น +35.33ดอลลาร์ คิดเป็น +1.36%
- ปิดตลาดที่ระดับ 2,621 ดอลลาร์
Gold spot
สูงสุด – 2,625 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,564 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 40,800 บาท
ต่ำสุด – 40,800 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำวันศุกร์ปรับตัวขึ้นแรงทำ All-time high แตะ 2,625 ดอลลาร์ จากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเฟดที่เป็นขาลง ซึ่งตลาดคาดว่าเฟดอาจลดดอกเบี้ยอีก 0.5% รวมถึงสถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มร้อนระอุมากขึ้น จากที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้ตอบโต้โจมตีของอิสราเอลอย่างหนัก หลังจากที่อิสราเอลได้โจมตีทางอากาศด้วยการทิ้งระเบิดในพื้นที่ทางใต้ของเลบานอน ส่วนกองทุน SPDR ซื้อทอง 4.88 ตันจากสัปดาห์ก่อน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ย. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 48.6 จาก 47.9 ในเดือนส.ค. และดัชนี PMI ภาคบริการเดือนก.ย. ตลาดคาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 55.3 จาก 55.7 ในเดือนส.ค.
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองคำยังคงมีแรงซื้อที่แข็งแกร่ง และทำ All-time high ต่อเนื่อง ซึ่งแนวโน้มราคาทองคำในระยะยาวยังคงเป็นขาขึ้น แต่ระยะสั้นยังคงระวังแรงเทขาย ซึ่งอาจมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง ทำให้มีโอกาสที่ราคาทองคำจะปรับตัวลงมาสู่แนวรับ 2,600 ดอลลาร์ในระยะสั้น
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ : 2,600 และ 2,565 ดอลลาร์
แนวต้าน : 2,630 และ 2,650 ดอลลาร์
แนะนำเปิด Long position เมื่อราคาทองคำย่อมาบริเวณ 2,600 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,585 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 40,600 และ 40,450 บาท
แนวต้าน : 40,900 และ 41,100 บาท
ราคาทองคำแท่งปรับตัวขึ้นตามราคาทองคำโลก ทั้งนี้แนวโน้มของราคาทองคำแท่งคาดมีแนวโน้มปรับตัวขึ้น แต่การปรับตัวขึ้นอาจไม่มากนัก เนื่องจากถูกกดดันด้วยค่าเงินบาทแข็งค่ามากหลุด 33 บาท หากเก็งกำไรระยะสั้นสามารถเข้าซื้อบริเวณ 40,600 บาท