แนวโน้มตลาดทองคำ
ชะลอการปรับตัวลง
- ราคาทองคำปรับตัวขึ้น +5.55 ดอลลาร์ คิดเป็น (+0.2%)
- ปิดตลาดที่ระดับ 2,333 ดอลลาร์
Gold spot
สูงสุด – 2,347 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,325 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 40,550 บาท
ต่ำสุด – 40,550 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
สัปดาห์ก่อนราคาทองคำเคลื่อนไหวผันผวน โดยวันจันทร์ราคาทองคำปรับขึ้นแรงทำ All-Time High จากการคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในปีนี้ ความกังวลในสถานการณ์ตะวันออกกลาง หลังเฮลิคอปเตอร์ตกแล้วเกิดการเสียชีวิตของประธานาธิบดีอิหร่าน รวมถึงจีนได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ แต่ก็มีแรงเทขายออกมาแรงในช่วงกลางถึงปลายสัปดาห์ ภายหลังรายงานการประชุมเฟด บ่งชี้สัญญาณว่าเฟดอาจตรึงอัตราดอกเบี้ยสูงกว่าตลาดคาด ส่วนกองทุน SPDR ขายทอง 6.33 ตันจากสัปดาห์ก่อน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
สัปดาห์นี้ติดตามการแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และการเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟด 12 เขต (Beige Book) นอกจากนี้สหรัฐจะเปิดเผยจีดีพีไตรมาส 1 ของสหรัฐ และดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานเดือนเม.ย.
วิเคราะห์ราคาทอง
วันศุกร์ราคาทองคำมีการฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย แต่ก็ยังทำ Low ต่ำกว่าก่อนหน้า และยังไม่สามารถผ่านแนวต้าน 2,347 ดอลลาร์ขึ้นไปได้ ขณะที่กราฟราคาทองคำเกิดรูปแบบคล้ายตัว M (Double Top) รวมถึงสัญญาณทางเทคนิคยังบ่งชี้การปรับตัวลง แต่คาดว่าราคาทองคำจะเริ่มชะลอการปรับตัวลง
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ 2,325 และ 2,310 ดอลลาร์
แนวต้าน 2,350 และ 2,355 ดอลลาร์
คาดว่าราคาทองคำยังคงติดแนวต้าน 2,347-2,350 ดอลลาร์ หากราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นมายังบริเวณดังกล่าว ให้เปิดสถานะขายบริเวณ 2,347-2,350 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,355 ดอลลาร์ ขณะที่สามารถขายทำกำไรที่ 2,300-2,310 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ 40,350 และ 40,200 บาท
แนวต้าน 40,600 และ 40,700 บาท
ราคาทองคำแท่งเกิดรูปแบบคล้ายตัว M (Double Top) ซึ่งบ่งชี้ทิศทางการกลับตัวลงของราคาทองคำแท่ง ประกอบกับสัญญาณทางเทคนิคของราคาทองคำแท่งก็บ่งชี้การปรับตัวลง หากเข้าซื้อทองคำแท่งเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น สามารถเข้าซื้อบริเวณ 40.000-40,050 บาท