นางคริสตาลินา กอร์เกียวา กรรมการจัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า ภาคธนาคารของสหรัฐมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับความเปราะบางมากขึ้น ซึ่งการแสดงความเห็นดังกล่าวมีขึ้นไม่นาน หลังจากเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค เข้าซื้อกิจการธนาคารเฟิร์สท์ รีพับลิก แบงก์ (FRB)
ทั้งนี้ IMF ชื่นชมหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐที่ดำเนินการอย่างรวดเร็วในการรับมือกับวิกฤตการณ์ในภาคธนาคารด้วยการเข้าควบคุมกิจการของ FRB และตัดสินใจหาผู้ที่จะเข้ามาซื้อกิจการ จนในที่สุดเจพีมอร์แกนเป็นผู้ชนะการประมูล และได้ซื้อกิจการ FRB ไว้ในครอบครอง
นางกอร์เกียร์วากล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุม “2023 Milken Institute Global Conference” ในย่านเบเวอร์ลี ฮิลส์ รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยระบุถึงวิกฤตการณ์ในภาคธนาคารซึ่งสร้างความตื่นตระหนกให้กับนักลงทุนในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
“การเปลี่ยนผ่านอย่างรวดเร็วจากภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำไปเป็นอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นนั้น ถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ภาคธนาคารอ่อนแอลง และคาดว่าผลกระทบนั้นยังไม่หมดสิ้น การที่เจพีมอร์แกนเข้าซื้อกิจการ FRB ไม่ได้หมายความว่าเราจะมีบัตรผ่านเสมอไป และไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่เผชิญกับภาวะเปราะบางเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต”
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แม้นางกอร์เกียร์วาขานรับหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐที่ตัดสินใจอย่างรวดเร็วในการควบคุมกิจการของ FRB และหาผู้ที่เข้ามาซื้อกิจการได้สำเร็จ แต่เธอกล่าวว่า การฟื้นตัวของระบบธนาคารโลกยังคงต้องถูกทดสอบ เนื่องจากมีหลักฐานบ่งชี้ว่ามีสถาบันการเงินอีกหลายแห่งที่ประสบปัญหา
“วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ยังย้ำเตือนเราถึงความท้าทายที่นโยบายคุมเข้มด้านการเงินส่งผลให้เกิดภาวะตึงตัวด้านการเงิน และยังทำให้ระบบการเงินโลกตกอยู่ในภาวะเปราะบาง” นางกอร์เกียร์วากล่าว
ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา IMF ได้ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปี 2566 เนื่องจากภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ พร้อมกับเตือนว่าวิกฤตการณ์ในระบบการเงินจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงสู่ระดับใกล้กับภาวะถดถอย
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์