Desktop 1550x550 13

แนวโน้มตลาดและการลงทุน

Market Focus Weekly 02-12-67

02 ธันวาคม 2567|08:43 น.

3 ปัจจัยที่ต้องติดตามในเดือนธ.ค.

Gold Bullish

  • ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น
  • ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง
  • ทิศทางดอกเบี้ยขาลง

Gold Bearish

  • การหยุดซื้อทองคำของธนาคารกลางจีน
  • แนวโน้มดอลลาร์แข็งค่า
  • เฟดชะลอการปรับลดดอกเบี้ย

3 ปัจจัยที่ต้องติดตามในเดือนธ.ค.

แม้ในช่วงต้นสัปดาห์ก่อนราคาทองคำจะปรับตัวลง แต่ก็ยังมีแรงซื้อทองคำกลับมาเล็กน้อย ทั้งนี้ปัจจัยที่ยังต้องติดตามต่อเนื่องในเดือนธ.ค. ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ ความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ นโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์และการนำเสนอชื่อบุคคลใดบ้างในกระทรวงสำคัญต่างๆ

คาดเฟดยังคงลดดอกเบี้ยในการประชุมเฟดในเดือนธ.ค. แต่อาจชะลอการปรับลดดอกเบี้ยปีหน้า

สัปดาห์นี้ยังคงต้องติดตามการแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในงานเสวนา New York Times DealBook Summit ที่จัดขึ้นที่นครนิวยอร์ก ในวันพุธที่ 4 ธ.ค. เวลา 13.45 น. ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 5 ธ.ค. เวลา 01.45 น.ตามเวลาไทย โดยก่อนหน้านี้ประธานเฟดได้ส่งสัญญาณจะไม่รีบปรับลดดอกเบี้ย ซึ่งเป็นสัญญาณการชะลอการปรับลดดอกเบี้ยของเฟด ทำให้ครั้งนี้ยังคงต้องโฟกัสถ้อยแถลงของประธานเฟดอีกครั้งเกี่ยวกับสัญญาณบ่งชี้ทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐ เนื่องจากจะมีการประชุมธนาคารกลางสหรัฐในวันที่ 17-18 ธ.ค. จะเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของเฟดในปีนี้ และเป็นการเปิดเผย Fed Dot Plot ครั้งสุดท้ายของปีนี้ อย่างไรก็ตาม เรายังคาดว่าเฟดยังคงเดินหน้าปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. โดยเราคาดว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยเพียง 0.25% ลงสู่ระดับ 4.25%-4.50% แต่ที่สำคัญคือ ข้อมูล Dot Plot เดือนธ.ค.ของเฟด และการแถลงของประธานเฟด ที่อาจเห็นสัญญาณของทิศทางดอกเบี้ยในปีหน้า ซึ่งเราคาดว่าอาจมีสัญญาณจากเฟดมาบ้างเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่อาจจะชะลอการปรับลดดอกเบี้ยในปีหน้า ด้วยเหตุปัจจัยด้านเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มอาจกลับมาสูงขึ้น และปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ภายนอก

ความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์

ซึ่งยังคงเป็นประเด็นเรื่องสงคราม ไม่ว่าจะเป็นสงครามรัสเซียกับยูเครน สงครามในตะวันออกกลาง คาดว่ายังคงร้อนระอุ ด้านสงครามรัสเซีย-ยูเครน คาดว่าในช่วงนี้ยังคงมีแนวโน้มที่รุนแรงมากขึ้น แต่คาดว่ายังไม่ถึงขั้นที่จะก่อให้เกิดสงครามโลก อย่างไรก็ตาม หากทรัมป์ได้เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ อาจจะทำให้สงครามรัสเซีย-ยูเครนลดระดับความตึงเครียดลง ขณะที่สถานการณ์ช่วงนี้ทั้งสองฝ่ายมีการใช้ขีปนาวุธโจมตีกัน ทั้งนี้ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้เตือนถึงยูเครนว่า กองทัพรัสเซียกำลังเลือกเป้าหมายในยูเครนเพื่อปฏิบัติการโจมตีเพิ่มเติมโดยใช้ขีปนาวุธพิสัยกลางความเร็วเหนือเสียง โอเรชนิก (Oreshnik) โดยอานุภาพของขีปนาวุธโอเรชนิกว่า “เหมือนอุกกาบาตตก” ทั้งนี้ในอดีตเคยมีทะเลสาบแมนนิกัวแกน (Lake Manicouagan) ในประเทศแคนาดา ซึ่งเป็นหนึ่งในทะเลสาบขนาดใหญ่ที่สุดที่เกิดจากอุกกาบาตพุ่งชนโลก มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 100 กิโลเมตร ซึ่งอาจจะส่งผลต่อความกังวลจากนักลงทุนเกี่ยวความรุนแรงที่อาจเพิ่มขึ้น จนมีแรงซื้อทองคำเข้ามาได้ ส่วนสงครามในตะวันออกกลาง ขณะที่อิสราเอลยังมีการโจมตีแท่นยิงขีปนาวุธพิสัยกลางของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ทางใต้ของเลบานอน แม้มีข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งสะท้อนถึงสงครามในตะวันออกกลางอาจยังไม่คลี่คลายหรือสงบลงได้ในเร็ววัน

นโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์และการนำเสนอชื่อบุคคลในกระทรวงสำคัญต่างๆ

จับตาว่านายโดนัลด์ ทรัมป์จะนำเสนอชื่อบุคคลใดบ้าง ในกระทรวงสำคัญ โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะแต่งตั้งมาร์โก รูบิโอ ที่จุดยืนของทรัมป์และมาร์โก รูบิโอจะสอดคล้องกัน รูบิโอเป็นหนึ่งในสมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันทั้ง 15 คนในวุฒิสภาที่ลงมติไม่เห็นด้วยกับแพ็คเกจความช่วยเหลือทางทหารมูลค่า 61,000 ล้านดอลลาร์สำหรับยูเครน และยังมีท่าทีที่แข็งกร้าวกับจีน รวมถึงทรัมป์ได้เสนอชื่อ Scott Bessent เป็นรมว.คลังสหรัฐ ส่งผลให้ทองคำลงแรง เนื่องจากนักลงทุนมีความมั่นใจว่า Bessent จะช่วยขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจที่ส่งเสริมความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ จากที่ Scott Bessent มีนโยบายที่สนับสนุนการขึ้นภาษีศุลากรและยกเลิกกฎระเบียบอย่างค่อยเป็นค่อยไป ทั้งนี้การยกเลิกกฎระเบียบอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อกระตุ้นการลงทุนทั้งในและต่างประเทศ สร้างความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจและดึงดูดการลงทุนใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยเสริมการเติบโตของ GDP สหรัฐ จึงช่วยลดความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

และแม้ว่า ณ ขณะนี้นายโดนัลด์ ทรัมป์จะยังไม่ได้เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ แต่ตลาดก็จับตานโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์เป็นอย่างมาก อย่างเช่น นโยบายการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า ที่นายโดนัลด์ ทรัมป์จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มอีก 10% จากสินค้าจีน และ 25% จากสินค้าจากแคนาดาและเม็กซิโก ส่งผลให้แคนาดาก็อาจตอบโต้กลับโดยเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเช่นกัน และอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคของสหรัฐเอง ขณะที่ทรัมป์ก็ขู่เรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 100% ในกลุ่มประเทศสมาชิกกลุ่มบริกส์ (BRICS) ที่กำลังสนับสนุนสกุลเงินอื่นเพื่อให้มาแทนที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาจส่งผลต่อความกังวลจากนักลงทุนเกี่ยวกับการกีดกันการค้าที่รุนแรง หากทรัมป์เข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการได้ จึงอาจสร้างแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

จับตาบริเวณแนวต้าน 2,670 ดอลลาร์ หากราคาทองคำสามารถทะลุผ่านขึ้นไปได้อาจปรับตัวขึ้นได้ต่อ แต่ถ้าไม่สามารถผ่านขึ้นไปได้อาจมีแรงเทขายออกมา โดยราคาทองคำมีแนวรับ 2,620 ดอลลาร์ และแนวรับถัดไปที่ 2,570 ดอลลาร์ ขณะที่ราคาทองคำมีแนวต้าน 2,670 ดอลลาร์ และแนวต้าน 2,700 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งให้ระวังแรงเทขาย หากไม่ผ่านบริเวณราคา 43,300 บาท โดยมีแนวรับ 42,800 บาท และแนวรับถัดไป 42,600 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 43,300 บาท และ 43,500 บาท

ดาวน์โหลดเอกสาร

แชร์บทความนี้

บทความที่เกี่ยวข้อง

 
Cover 1000x670 02

Night Recap Gold Futures 10-01-2568

16:28 น.

 
Cover 1000x670 10

Night Recap Gold Spot 10-01-2568

16:24 น.

 
Cover 1000x670 06

Derivative Recap 10-01-2568

09:03 น.

 
Cover 1000x670 01

Daily Recap Gold Futures 10-01-2568

08:56 น.

คำถามที่พบบ่อย

เกี่ยวกับเรา

พูดคุยกับเรา

พบเจอปัญหา หรือมีข้อสงสัย
ทักหาเราได้เลยที่นี่

เวลาทำการลูกค้าสัมพันธ์
จันทร์ - ศุกร์ 08.30 น. - 24.00 น.
เสาร์ - อาทิตย์ 08.30 น. - 17.30 น.

For the best experience, we recommend viewing the site in portrait orientation on mobile devices.

ตะกร้าสินค้า0
ไม่มีสินค้าในตะกร้า
เลือกซื้อสินค้าต่อ
This site is registered on wpml.org as a development site. Switch to a production site key to remove this banner.