ทองอาจขึ้นต่อ จากปัจจัยเหล่านี้
Gold Bullish
- ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ สงครามยูเครน-รัสเซีย สงครามอิสราเอล-ฮามาส
- ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง
- ความต้องการทองจากกระแส De-Dollarization
Gold Bearish
- เงินเฟ้อที่ยังอยู่ระดับสูงกว่าเป้าหมาย
- เฟดส่งสัญญาณตรึงดอกเบี้ยสูงนานขึ้น
ทองอาจขึ้นต่อ จากเฟดลดดอกเบี้ย ความตึงเครียดสงคราม และธนาคารกลางซื้อทองแข็งแกร่ง
ตลาดแรงงานของสหรัฐที่ลดความร้อนแรงลง ทำให้นักลงทุนมีความหวังมากขึ้นว่าเฟดอาจจะลดดอกเบี้ยในปีนี้ โดยตลาดกลับมามีมุมมองคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้อีกครั้ง ดันราคาทองคำให้ฟื้นตัวขึ้นระยะสั้น ซึ่งต้องติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐในสัปดาห์นี้ จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยบ่งชี้ว่าการคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.จะเกิดขึ้นหรือไม่?
ด้านความตึงเครียดในตะวันออกกลางอาจเริ่มกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่สงบมาช่วงระยะหนึ่ง อิสราเอลและกลุ่มฮามาสได้มีการเจรจาหยุดยิงเมื่อสัปดาห์ก่อน แต่อิสราเอลยืนยันว่าจะยังเดินหน้าโจมตีเมืองราฟาห์ แม้จะมีคำขู่จากประธานาธิบดีโจ ไบเดนที่จะระงับการสนับสนุนด้านอาวุธแก่อิสราเอล หากอิสราเอลโจมตีเมืองราฟาห์ ทั้งนี้ยังมีสัญญาณว่าอิสราเอลจะมีการโจมตีต่อเนื่องในสัปดาห์นี้ หลังจากอิสราเอลได้มีการสั่งอพยพชาวปาเลสไตน์ในเมืองราฟาห์ทางตอนโต้ของฉนวกกาซาเพิ่มเติม สัปดาห์นี้จึงยังต้องติดตามสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่อาจจะสร้างความตึงเครียดอีกครั้ง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยหนุนดันราคาทองคำให้ปรับตัวขึ้นได้ต่อในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงที่อาจขยายวงกว้างนั้นอาจยังไม่เกิดขึ้นในระยะนี้ เนื่องจากประเทศที่สนับสนุนอิสราเอลอย่างเช่น สหรัฐ มีทีท่าต่อการไม่เห็นด้วยที่อิสราเอลจะโจมตีเมืองราฟาห์ และประเด็นดังกล่าวอาจมีความเสี่ยงที่จะบั่นทอนความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและอิสราเอลได้
ธนาคารกลางยังคงเดินหน้าเข้าซื้อทองคำต่อเนื่องอย่างแข็งแกร่ง ทั้งนี้ธนาคารกลางมีการเข้าซื้อทองคำเฉลี่ย 12 เดือนกว่า 31 ตัน ซึ่งเดือนมี.ค.ตุรกีได้มีการเข้าซื้อทองคำมากที่สุดเป็นอันดับ 1 กว่า 14 ตัน ซึ่งแซงการเข้าซื้อทองคำจากจีน โดยจีนมีการชะลอการเข้าซื้อทองคำ โดยมีการซื้อสุทธิเพียง 5 ตัน เช่นเดียวกับอินเดีย ทั้งนี้ตุรกีได้กลายเป็นประเทศที่มีการเข้าซื้อทองคำจากธนาคารกลางมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของปีนี้ เป็นจำนวนกว่า 30 ตัน ขณะที่จีนกลายมาเป็นอันดับ 2 ธนาคารประชาชนจีนมีการเข้าซื้อรวมสุทธิกว่า 27 ตัน จากที่เคยเข้าซื้อทองคำมากที่สุดเป็นอันดับ 1 ในเดือนม.ค.และก.พ. และตามมาด้วยอินเดียเป็นอันดับที่ 3 เข้าซื้อสุทธิกว่า 18 ตันในปีนี้
เกิดแท่งเทียนสีเขียวยาว 2 แท่งเทียนติดต่อกัน และ High กับ Low ก็ยกระดับสูงขึ้น แม้วันศุกร์ช่วงกลางคืนจะมีแรงขายออกมาเล็กน้อย แต่แรงซื้อยังคงแข็งแกร่ง นอกจากนี้เครื่องมือทางเทคนิคของราคาทองคำ MACD > Signal line และ MACD > 0 ขณะที่สัญญาณทาง Modified Stochastic เกิดเส้น %K ตัดเส้น %D ขึ้นมา ซึ่งบ่งชี้ว่าราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้ต่อในระยะสั้น อย่างไรก็ดี แรงขายจากช่วงวันศุกร์อาจกดดันราคาทองคำให้ย่อตัวลงมาเล็กน้อยในช่วงต้นสัปดาห์ แนะนำให้เข้าซื้อทองคำ หากมีการย่อตัว สัปดาห์นี้ราคาทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 2,330 ดอลลาร์ และ 2,315 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 2,380 ดอลลาร์ และ 2,400 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 40,800 บาท และ 40,500 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 41,300 บาท และ 41,500 บาท