คาดทองคำปรับฐานแต่ยืนเหนือ $2,360-$2,370
Gold Bullish
- ความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น
- ธนาคารกลางทั่วโลกเข้าซื้อทองคำต่อเนื่อง
- ความต้องการทองจากกระแส De-Dollarization
- ตลาดคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.
Gold Bearish
- เงินเฟ้อที่ยังอยู่ระดับสูงกว่าเป้าหมาย
- การหยุดซื้อทองคำของธนาคารกลางจีน
ทองคำอาจปรับฐานระยะสั้น คาดเหนือบริเวณ 2,360-2,370 ดอลลาร์
หลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่องในสัปดาห์ก่อน ล่าสุดปรับตัวขึ้นกว่า 20.40% จากต้นปีที่ 2,483 ดอลลาร์ ถือว่าระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All-Time High) ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ในประเทศปรับตัวขึ้นกว่า 25.26% จากต้นปี โดยราคาทองแท่ง 96.5% ได้ขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ที่ระดับ 42,150 บาท
ทั้งนี้ราคาทองคำปรับตัวทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบนี้ จากธนาคารกลางสหรัฐมีสัญญาณชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับการปรับลดดอกเบี้ย รวมทั้งนักลงทุนอาจมีความกังวลเกี่ยวกับ ภาวะเศรษฐกิจถดถอย ทั้งตลาดแรงงานที่เริ่มอ่อนแอลง และมีการปรับลดการจ้างงาน NFP เดือนเม.ย.และเดือนพ.ค.ที่ประกาศก่อนหน้านี้ลดลงด้วยกว่า 5 หมื่นตำแหน่ง เงินเฟ้อทั้ง Core PCE เริ่มชะลอตัวลง โดยเพิ่มขึ้น 2.6% หลังจากทรงตัวที่ 2.8% ติดต่อกัน 4 เดือน เงินเฟ้อ CPI ล่าสุดมีแนวโน้มชะลอตัวลงและต่ำกว่าคาด แนวโน้มการชะลอตัวลงของเงินเฟ้อ อาจทำให้เฟดพิจารณาปรับลดดอกเบี้ยเร็วขึ้น ขณะที่สัญญาณจากเจ้าหน้าที่เฟดหลายท่านต่างออกมาสนับสนุน การปรับลดดอกเบี้ยให้เร็วขึ้น ทำให้ตลาดคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยปีนี้ 3 ครั้ง จากเดิม 2 ครั้ง ซึ่งเราต้องไม่ลืมว่า การลดดอกเบี้ยนั้น เป็นสัญญาณว่า เศรษฐกิจกำลังชะลอตัว จึงจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินหรือนโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้นการที่ธนาคารกลางสหรัฐระบุค่อนข้างชัดเจนว่าจะมีการลดดอกเบี้ย จึงตีความได้ว่า การชะลอตัวของเศรษฐกิจหรือภาวะเศรษฐกิจถดถอย กำลังจะกลับมาเป็นประเด็นกดดันการลงทุนในตลาดหุ้น และจะเป็นปัจจัยบวกสำหรับทองคำ
การลงทุนระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวควรเป็นอย่างไร
ระยะสั้นคาดว่าราคาทองคำมีโอกาสปรับฐาน หลังจากที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นพุ่งแรงสู่ All-Time High ซึ่งอาจมีแรงเทขายทำกำไรนั่นเป็นเรื่องปกติ ทั้งนี้การลงทุนในระยะสั้นนั้น เราให้ความสำคัญกับเรื่องของวินัยในการลงทุน ซึ่งหมายถึง การเลือกตราสารที่เหมาะสม เราแนะนำว่าควรจะเป็น Gold Future เพราะใช้เงินน้อยกว่า แต่ที่สำคัญที่สุด ท่านต้องมีวินัยในการลงทุน นั่นคือการตั้งจุดตัดขาดทุนในกรณีที่ท่านเข้าผิดทาง
ทฤษฎีทางเทคนิค ว่าเอาไว้ว่า การซื้อหรือขายตราสารใดๆ แล้วผิดทางนั้น ถ้าเราตั้งจุดขายตัดขาดทุนไม่ให้เกิดผลกระทบในพอร์ตการลงทุนมากเกินกว่าที่จะรับได้ เมื่อเทียบกับ การเข้าถูกทางเพียงครั้งเดียว แล้วสามารถ Run Trend ได้ จะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า หรืออธิบายง่ายๆว่า ซื้อขาย 10 ครั้งต่อให้ผิด 9 ครั้งแต่ท่านตั้งจุดขายตัดขาดทุนในกรณีที่ผิดทาง และเข้าถูกเพียงครั้งเดียว แต่สามารถรันเทรนได้ ก็จะสร้างผลกำไรให้กับพอร์ตการลงทุน ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ การสะสมเข้าซื้อทองคำแท่ง เราก็ยังคงแนะนำเช่นกันสำหรับการลงทุนที่มีความมั่นคงและปลอดภัยกว่า ซึ่งสามารถทยอยเข้าซื้อสะสมทองคำแท่งในช่วงที่ราคาทองคำปรับฐานหรือปรับตัวลง
ส่วนการลงทุนระยะกลางและระยะยาวนั้น เราค่อนข้างสบายใจที่จะแนะนำว่าให้ถือทองหรือใช้วิธีการทยอยซื้อ เพราะด้วยดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มเป็นขาลง รวมทั้งโอกาสที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยยังเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำในอนาคต หลายปีที่ผ่านมา ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นทองคำก็ยังให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ ทั้งนี้ดอกเบี้ยสหรัฐเริ่มกลับมาทิศทางขาลง ซึ่งอาจทำให้หนุนราคาทองคำเป็นขาขึ้นได้อีก จึงค่อนข้างสบายใจได้ในการลงทุนระยะกลางและระยะยาว
สำหรับสัปดาห์นี้คาดว่าราคาทองคำอาจปรับฐาน แต่คาดว่าราคาทองคำยังคงยืนเหนือระดับ 2,360-2,370 ดอลลาร์ แนะนำเข้าซื้อบริเวณแนวรับ 2,370 ดอลลาร์ และแนวรับ 2,360 ดอลลาร์ เป็นแนวรับที่สามารถเข้าซื้อได้ ขณะที่มีแนวต้าน 2,430 ดอลลาร์ และแนวต้าน 2,460 ดอลลาร์ ส่วนราคาทองแท่งในประเทศมีแนวรับ 41,000 บาท และ 40,800 บาท ขณะที่มีแนวต้านที่ 41,700 บาท และ 41,900 บาท