ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (30 ส.ค.) และปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน หลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจใหม่ของสหรัฐฯ สนับสนุนการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 41,563.08 จุด เพิ่มขึ้น 228.03 จุด หรือ +0.55%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,648.40 จุด เพิ่มขึ้น 56.44 จุด หรือ +1.01% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 17,713.62 จุด เพิ่มขึ้น 197.20 จุด หรือ +1.13%
ในรอบเดือนส.ค. ดัชนีดาวโจนส์บวก 1.8%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 2.3% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 0.6%
การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนก.ค. ซึ่งบ่งชี้ว่า เศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่ราคาปรับตัวขึ้นเล็กน้อย
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า การใช้จ่ายส่วนบุคคลของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนก.ค. สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 0.3% ในเดือนมิ.ย.
รายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมิ.ย. สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนมิ.ย.
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคลทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 2.5% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.6% จากระดับ 2.5% ในเดือนมิ.ย. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE ทั่วไป ปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 0.1% ในเดือนมิ.ย.
ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ให้ความสำคัญ ปรับตัวขึ้น 2.6% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.7% จากระดับ 2.6% ในเดือนมิ.ย. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี PCE พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.2% ในเดือนก.ค. สอดคล้องตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากระดับ 0.2% ในเดือนมิ.ย.
ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
เครื่องมือ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า บรรดาเทรดเดอร์ส่วนใหญ่คาดว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% ในเดือนก.ย. ขณะที่มีโอกาสน้อยลงที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงถึง 0.5% หลังการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวในวันศุกร์
หุ้นทั้ง 11 กลุ่มในดัชนี S&P500 ปิดบวก นำโดยกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยพุ่งขึ้น 1.9% ตามมาด้วยกลุ่มอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น 1.1%
สำหรับหุ้นรายตัวนั้น หุ้นอะเมซอน.คอม (Amazon.com) และหุ้นเทสลา (Tesla) พุ่งขึ้นกว่า 3%
หุ้นบรอดคอม (Broadcom) พุ่งขึ้นเกือบ 4% ขณะที่หุ้นมาร์เวล เทคโนโลยี (Marvell Technology) พุ่งขึ้น 9% หลังคาดการณ์ผลประกอบการรายไตรมาสสูงกว่าประมาณการ
หุ้นอินวิเดีย (Nvidia) บวก 1.5% โดยดีดตัวขึ้นหลังจากร่วงลง 6.4% ในวันพฤหัสบดี
หุ้นโนวาแวกซ์ (Novavax) พุ่ง 8.6% หลังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐฯ อนุมัติการใช้วัคซีนโควิด-19 เวอร์ชันปรับปรุงใหม่ของโนวาแวกซ์ในกรณีฉุกเฉิน
หุ้นอินเทล (Intel) พุ่งขึ้นเกือบ 10% หลังมีรายงานว่า บริษัทกำลังสำรวจทางเลือกต่าง ๆ ซึ่งอาจรวมถึงการควบรวมกิจการ
หุ้นเดลล์ เทคโนโลยีส์ (Dell Technologies) บวก 4.3% หลังปรับเพิ่มคาดการณ์รายได้และผลกำไรทั้งปี
ปริมาณการซื้อขายในตลาดค่อนข้างเบาบางในวันศุกร์ก่อนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทำการในวันจันทร์ (2 ก.ย.) เนื่องในวันแรงงาน
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญในสัปดาห์นี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.ในวันศุกร์ (6 ก.ย.)
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์