แมรี ดาลี ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาซานฟรานซิสโก ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กว่า เธอเชื่อว่าขณะนี้เป็นเวลาเหมาะสมที่เฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย
การแสดงความเห็นของดาลีนั้น สอดคล้องกับที่เจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เขามีความเชื่อมั่นมากขึ้นว่าเงินเฟ้อของสหรัฐฯ กำลังชะลอตัวลงสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% และ “ถึงเวลาแล้วที่เฟดควรจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ย”
อย่างไรก็ดี ดาลีกล่าวว่าขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะทราบแน่ชัดว่าแนวทางนโยบายการเงินของเฟดจะอยู่ในทิศทางใด และปฏิเสธที่จะระบุอย่างเจาะจงว่าเธอจะสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% หรือ 0.50% ในการประชุมวันที่ 17-18 ก.ย.นี้ โดยเธอเน้นย้ำว่าเฟดจำเป็นต้องฉุดเงินเฟ้อให้ปรับตัวลงสู่เป้าหมายที่ระดับ 2% แต่กรรมการเฟดซึ่งรวมถึงเธอด้วยนั้น ต้องป้องกันไม่ให้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงาน
“เราไม่ต้องการตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเดินหน้าใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินทั้ง ๆ ที่เศรษฐกิจกำลังชะลอตัวลง” ดาลีกล่าว
ทั้งนี้ ดาลีมองว่า เมื่อเงินเฟ้อปรับตัวลดลง อัตราดอกเบี้ยของเฟดซึ่งอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 23 ปีมานานกว่าหนึ่งปีแล้วนั้น จะสร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจมากขึ้น โดยเธอกล่าวว่า “นั่นเป็นสถานการณ์ที่จะสร้างความเสียหายต่อตลาดแรงงานและการเติบโตทางเศรษฐกิจ”
นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า ตัวเลขเงินเฟ้อที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้จะเป็นปัจจัยสนับสนุนการตัดสินใจของเฟดในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย.
สหรัฐฯ มีกำหนดเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนก.ค.ในวันศุกร์นี้ โดยดัชนี PCE เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ เนื่องจากสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี PCE ทั่วไป (Headline PCE) ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากปรับตัวขึ้น 2.5% เช่นกันในเดือนมิ.ย. และคาดว่าดัชนี PCE พื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนมิ.ย.
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์