ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันจันทร์ (27 ม.ค.) แต่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งรวมถึงหุ้นอินวิเดีย (Nvidia) ผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) รายใหญ่ของสหรัฐฯ หลังจากบริษัทดีปซีค (DeepSeek) ธุรกิจสตาร์ตอัปของจีนได้เปิดตัวโมเดล AI ที่มีประสิทธิภาพและใช้ต้นทุนต่ำ ซึ่งทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับอนาคตของบริษัทเทคโนโลยี AI ชั้นนำในสหรัฐฯ
ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 44,713.58 จุด เพิ่มขึ้น 289.33 จุด หรือ +0.65%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 6,012.28 จุด ลดลง 88.96 จุด หรือ -1.46% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,341.83 จุด ลดลง 612.47 จุด หรือ -3.07%
DeepSeek ได้เปิดตัว “R1” ซึ่งเป็นโมเดล AI แบบ open-source ที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่าแชตบอตระดับโลกอย่าง ChatGPT ของบริษัทโอเพนเอไอ (OpenAI) โดยโมเดล AI ของ DeepSeek ใช้เวลาในการพัฒนาเพียง 2 เดือน ใช้ต้นทุนต่ำกว่า 6 ล้านดอลลาร์ และใช้ชิป H800s ซึ่งเป็นชิปประสิทธิภาพต่ำของ Nvidia
นอกจากนี้ แอปพลิเคชัน AI Assistant ของ DeepSeek กลายเป็นแอปพลิเคชั่นฟรีที่มีการดาวน์โหลดมากที่สุดบน Apple App Store ในสหรัฐฯ แซงหน้า ChatGPT
การเปิดตัวชิป AI ของ DeepSeek สร้างความตื่นตระหนกต่อความเป็นผู้นำโลกในธุรกิจ AI ของสหรัฐฯ และเกิดการตั้งคำถามต่อการที่บริษัทยักษ์ใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีได้ใช้งบประมาณมากมายในการพัฒนาโมเดล AI และการตั้งศูนย์ข้อมูล (Data Center) ในช่วงที่ผ่านมา
รายงานระบุว่า ผู้บริหารของบริษัทยักษ์ใหญ่ในกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐฯ กำลังเร่งรับมือกับการเปิดตัวโมเดล AI ของ DeepSeek เนื่องจากเกิดความวิตกว่าลูกค้าอาจหันไปรับข้อเสนอที่มีราคาถูกกว่าจาก DeepSeek โดยบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ (Meta Platforms) ประกาศตั้งวอร์รูมถึง 4 ห้องภายในแผนก AI ของบริษัทเพื่อรับมือ DeepSeek
ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก พุ่งขึ้น 20.54% แตะระดับ 17.90 จุด
นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่างหนัก ท่ามกลางความวิตกว่าอุตสาหกรรม AI ของจีนจะแซงหน้าซิลลิคอน แวลลีย์ของสหรัฐ โดยหุ้น Nvidia ร่วงลง 16.86% หุ้น Microsoft ปรับตัวลง 2.14% หุ้น Alphabet ร่วงลง 4% ส่วนหุ้น Dell Technologies ซึ่งเป็นผู้ผลิตเซิร์ฟเวอร์ AI ดิ่งลง 8.7%
แซม สโตวอลล์ หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุนจากบริษัท CFRA Research กล่าวว่า นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีในขณะที่ยังคงประเมินผลกระทบของ DeepSeek อย่างไรก็ดี นักลงทุนไม่ได้เทขายหุ้นออกมาเป็นวงกว้าง โดยได้หมุนเวียนการลงทุนไปยังหุ้นปลอดภัย (Defensive Stocks) เช่นหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มเฮลธ์แคร์ และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งช่วยพยุงตลาดในระหว่างวัน
นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทเทคโนโลยีในกลุ่ม “Magnificent Seven” ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึง Meta, Microsoft, Tesla และ Apple
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 28-29 ม.ค. ซึ่งจะเป็นการประชุมครั้งแรกของเฟดในปีนี้ รวมทั้งจับตาถ้อยแถลงของเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้
ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์