สหภาพยุโรป (อียู) ประกาศในวันพฤหัสบดีว่า พร้อมรับมือกับคำกล่าวหาต่าง ๆ จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ที่ว่า ทางกลุ่มที่มีสมาชิก 27 ประเทศนี้ตั้งใจหาเรื่องสหรัฐฯ และเตือนผู้นำรัฐบาลวอชิงตันว่า ยุโรปพร้อมจะสู้สุดกำลังต่อมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% ตามรายงานของเอพี
การประกาศสู้แบบ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” ของยุโรปนี้มีออกมา เมื่อทรัมป์เดินหน้าขยายความร้าวฉานในกลุ่มพันธมิตรของสองฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก หลังปธน.สหรัฐฯ คนปัจจุบันเอ่ยปากเตือนก่อนหน้านี้ว่า กรุงวอชิงตันจะยกเลิกการรับประกันด้านความมั่นคงแก่พันธมิตรยุโรป
คำประกาศจุดยืนของยุโรปในวันพฤหัสบดีเป็นการตอบโต้คำพูดของทรัมป์ที่กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า “สหภาพยุโรปถูกตั้งขึ้นเพื่อเล่นงานสหรัฐอเมริกา นั่นคือจุดประสงค์ของกลุ่ม และพวกเขาก็ทำ(ตามนั้น)ได้ดีเสียด้วย” พร้อมกล่าวเสริมว่า ภายใต้รัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีตนเป็นผู้นำทุกอย่างที่ว่ามาจะต้องหยุดลงทันที
นายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทัสก์ แห่งโปแลนด์ ซึ่งรับหน้าที่ประธานหมุนเวียนของอียู ออกมาโต้กลับทรัมป์ โดยระบุในโพสต์ทางแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) ว่า “อียูไม่ได้จัดตั้งขึ้นมาเพื่อเล่นงานใคร” และว่า “แต่ตรงกันข้ามเสียอีก กลุ่มนี้ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อรักษาสันติภาพ และเพื่อทำให้เกิดความเคารพระหว่างประเทศต่าง ๆ เพื่อสร้างการค้าที่เสรีและเป็นธรรม และเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับมิตรภาพระหว่างสองฟากมหาสมุทรแอตแลนติก ง่าย ๆ แค่นั้น”
นายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชส แห่งสเปนออกมาร่วมแย้งในเรื่องนี้ และกล่าวว่า “เราจะยืนหยัดต่อสู้กับผู้ที่มุ่งทำร้ายเราด้วยกำแพงภาษีที่ไม่เป็นธรรมและคำขู่กลาย ๆ ต่ออธิปไตยของเรา เรามุ่งมั่นและพร้อมที่จะเดินหน้าต่อสู้ดังว่าด้วย”
ทั้งนี้ อียูได้เตือนแล้วว่า ทันทีที่สหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีนำเข้าใหม่ตามที่ขู่ ทางกลุ่มก็จะดำเนินมาตรการตอบโต้ที่แข็งกร้าวต่อสินค้าจากอุตสาหกรรมโดดเด่นของสหรัฐฯ เช่น เหล้าเบอร์เบิน กางเกงยีนส์และมอเตอร์ไซค์
นายกฯ ซานเชส กล่าวด้วยว่า “สเปนและอียูทำงานร่วมกันมาหลายเดือน และเราจะดำเนินมาตรการโต้ตอบอย่างหนักแน่น และเราจะ(สู้)ในฐานะกลุ่ม”
โฆษกด้านการค้าของคณะกรรมาธิการยุโรป (European Commission) โอลอฟ จิลล์ กล่าวว่า อียูจะไม่ยอมต่อรัฐบาลทรัมป์ หากมีการประกาศตั้งกำแพงภาษีขึ้นมาจริง
เมื่อค่ำวันพุธ ทรัมป์ออกมากล่าวย้ำเรื่องนี้ว่า สหรัฐฯ ก็พร้อมจะรับมือกับทุกอย่าง โดยระบุว่า “เราเป็นเหมือนไหเงินไหทอง เราเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ และพวกเขาก็สามารถแก้เผ็ด(สหรัฐฯ) ได้ แต่มันจะไม่ไประสบความสำเร็จ เพราะเราจะหักดิบ เราจะเลิกซื้อ(สินค้ายุโรป)ทันที และในกรณีนั้น เราก็จะเป็นฝ่ายชนะ”
แต่ โอลอฟ จิลล์ กล่าวโต้ความเห็นเหน็บแนมของทรัมป์เกี่ยวกับการกำเนิดขึ้นของอียู ว่า “สหภาพยุโรปคือตลาดเสรีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และยังเป็นผู้ทำประโยชน์ให้สหรัฐฯ เสมอมา” และว่า อียูนั้น “อำนวยความสะดวกด้านการค้า ลดต้นทุนให้ผู้ส่งออกสหรัฐฯ และปรับแก้กฎและมาตรฐานต่าง ๆ ให้มีความสอดคล้องกัน”
อียูประเมินว่า มูลค่าการค้ากับสหรัฐฯ นั้นอยู่ที่ราว 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 30% ของมูลค่าการค้าโลก
ทรัมป์ร้องเรียนว่า สหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับอียูที่ได้ดุลมากมายในหมวดสินค้า แต่อียูชี้ว่า สหรัฐฯ เองได้ดุลคืนมาบ้างจากหมวดการค้าบริการ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเกิดสงครามการค้าขึ้นเลย
