แนวโน้มราคาทอง
Sideways up
- ราคาทองปรับตัวขึ้น +4.50 ดอลลาร์ คิดเป็น +0.17%
- ปิดตลาดที่ระดับ 2,648ดอลลาร์
Gold spot
สูงสุด – 2,653 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,638 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 41,850 บาท
ต่ำสุด – 41,700 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำช่วงเช้าถูกแรงกดดันจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ จึงส่งผลให้ความน่าสนใจในการลงทุนทองคำลดน้อยลง แต่สามารถฟื้นตัวกลับตัวขึ้นมาหลังลงทดสอบแนวรับของเส้นค่าเฉลี่ย (EMA) 200 ชั่วโมง ได้อย่างแข็งแกร่งจากบริเวณแนวรับที่ 2,640 $ นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากการเข้าซื้อทองคำจากกองทุน SPDR ประมาณ 2.59 ตัน และในวันพรุ่งนี้ไทยจะมีการเผยผลการประชุมดอกเบี้ยจาก กนง. ซึ่งตลาดคาดหวังให้มีการปรับลดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ ธปท. ยังไม่มีท่าทีในการปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้สหรัฐไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ แต่จะมีการเปิดเผยยอดค้าปลีก (Retail Sales) ของเดือนกันยายน ในคืนวันพฤหัสบดี
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองคำโลกสามารถฟื้นตัวขึ้นมาจากแนวรับสำคัญที่ 2,640 $ โดยยังประเมินว่ามีโอกาสสูงที่ราคาทองโลกจะยังคงเดิมหน้าทำจุดสูงสุดใหม่ แม้ค่าเงินบาทอาจกดดันราคาทองแท่งภายในประเทศ
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ 2,640 และ 2,625 ดอลลาร์
แนวต้าน 2,665 และ 2,685 ดอลลาร์
ราคาทองโลกสามารถฟื้นตัวขึ้นมาจากแนวรับสำคัญที่ 2,640 $ จึงประเมินว่ามีโอกาสที่ราคาจะทะลุแนวต้าน 2,665 $ ขึ้นไปได้ แต่อาจเป็นการเคลื่อนตัวแบบ Sideway Up แนะนำรอซื้อที่ 2,640 $ โดยมีเป้าทำกำไรที่ 2,665 $ และตัดขาดทุนหากหลุดแนวรับที่ 2,625 $
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 41,600 และ 41,450 บาท
แนวต้าน : 42,000 และ 42,150 บาท
ราคาทองคำแท่งฟื้นตัวขึ้นมาจากปัญหาความไม่สงบทางภูมิรัฐศาสตร์ แม้ค่าเงินบาทจะเริ่มแข็งค่า จากแนวโน้มการลดดอกเบี้ยของ Fed ว่าอาจลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือน พ.ย. ลงเพียง 0.25% แนะนำรอซื้อที่ 41,600 บาท โดยมีเป้าทำกำไรที่ 42,000 บาท และตัดขาดทุนหากหลุดแนวรับที่ 41,450 บาท