แนวโน้มตลาดทองคำ
ระมัดระวังการเข้าซื้อ
- ทองคำทำ All-Time High ใหม่
- จีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
Gold spot
สูงสุด – 2,449 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,414 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 41,550 บาท
ต่ำสุด – 41,400 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นสู่ All-Time High ใหม่ที่ระดับ 2,449 ดอลลาร์ ซึ่งราคาทองคำได้รับปัจจัยหนุนจากดอลลาร์อ่อนค่า นักลงทุนคาดว่าปีนี้เฟดจะลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง รวมถึงแรงซื้อทองคำ จากที่จีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ในขั้นภาวะวิกฤตมาหลายปี โดยภาคอสังหาริมทรัพย์ในจีนเป็นเสาหลักสำคัญต่อเศรษฐกิจจีน ถ้าเศรษฐกิจจีนขยายตัวดี จะส่งผลต่อแรงซื้อทองคำภาคเครื่องประดับในจีนเติบโตดีขึ้น นอกจากนี้สถานการณ์ในตะวันออกกลางยังคงต้องจับตา ประธานาธิบดีอิหร่านเสียชีวิตจากเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก ซึ่งต้องดูต่อไปว่าท่าทีของกลุ่มที่ขัดแย้งกับอิสราเอลโดยมีอิหร่านอยู่เบื้องหลังจะเป็นไปในทิศทางใด
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
ติดตามการแถลงของประธานเฟดสาขาแอตแลนต้า
วิเคราะห์ราคาทอง
High และ Low ของราคาทองคำยังคงยกตัวขึ้นสูง ขณะที่ราคาทองคำทำ All-Time High ใหม่ ซึ่งสัญญาณทางเทคนิคของราคาทองคำระยะสั้นใน Timeframe Day ยังมีสัญญาณการปรับตัวขึ้น และคาดว่ายังคงปรับตัวขึ้นได้ต่อ แต่รอบนี้ให้เข้าซื้ออย่างระมัดระวัง เพราะเริ่มเกิด bearish divergence
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ 2,420 และ 2,400 ดอลลาร์
แนวต้าน 2,450 และ 2,460 ดอลลาร์
ราคาทองคำมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้ต่อ แต่การเข้าซื้อให้ระมัดระวังมากขึ้น หากเก็งกำไรระยะสั้น แนะนำเข้าเร็วออกเร็ว โดยเข้าซื้อทองคำเมื่อย่อตัวลงมาแรงบริเวณ 2,400-2,420 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,390 ดอลลาร์ และขายทำกำไรบริเวณ 2,450-2,460 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ 41,300 และ 41,100 บาท
แนวต้าน 41,600 และ 41,700 บาท
ทองคำแท่งยังคงปรับตัวขึ้นตามราคาทองคำโลก แม้เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง ซึ่งเงินบาทแข็งค่าสุดในภูมิภาค ภายหลัง GDP ไทยไตรมาส 1/67 โต 1.5% ดีกว่าตลาดคาด สำหรับคนที่ซื้อทองคำแท่งเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นให้ทยอยขายทำกำไรบริเวณ 41,700-42,000 บาท และให้ระวังการเข้าซื้อทองคำแท่ง เน้นเข้าเร็วและออกเร็ว