แนวโน้มตลาดทองคำ
แนวรับ 2,400 ดอลลาร์
- ทองคำมีแรงเทขายออกมา
- คาดตะวันออกกลางยังไม่ขยายวง
Gold spot
สูงสุด – 2,432 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,406 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 41,500 บาท
ต่ำสุด – 41,350 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองคำปรับตัวลงต่อเนื่อง จากแรงเทขายทำกำไรหลังที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรงทำ All-Time High ที่ระดับ 2,449 ดอลลาร์ ซึ่งนักลงทุนจับตาการเสียชีวิตของประธานาธิบดีอิหร่านจากเฮลิคอปเตอร์ Bell 212 ตก ซึ่งมีข้อสันนิษฐานว่ามาจากการขาดอะไหล่ อะไหล่มีการชำรุด จากความยากลำบากในการหาชิ้นส่วนอะไหล่ หลังการคว่ำบาตรจากสหรัฐเป็นต้นมาในอดีต และอาจเกิดจากสภาพภูมิอากาศมากกว่า ทำให้ประเด็นดังกล่าวอาจไม่ได้เป็นสาเหตุของความรุนแรงในตะวันออกกลางจะขยายวงกว้าง อย่างไรก็ตาม เราให้น้ำหนักไปที่จีนกับสหรัฐมากกว่าที่อาจจะส่งผลต่อราคาทองคำในระยะต่อมา ทั้งเรื่องการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า และล่าสุดที่ปูตินเดินทางเยือนจีน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้ติดตามการแถลงของคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟด การแถลงของประธานเฟดสาขาริชมอนด์
และการแถลงของประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก
วิเคราะห์ราคาทอง
สัญญาณจาก Modified Stochastic เข้าสู่ Overbought และเริ่มหักหัวลง แต่ยังไม่เกิดเส้นตัดกันลงมา ขณะที่ สัญญาณทางเทคนิคของราคาทองคำระยะสั้นใน Timeframe 60-240 นาทีบ่งชี้การปรับตัวลงระยะสั้นโดยมีแนวรับ 2,397-2,400 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ 2,400 และ 2,390 ดอลลาร์
แนวต้าน 2,430 และ 2,450 ดอลลาร์
ราคาทองคำระยะสั้นเริ่มมีการปรับตัวลง หากเล่นฝั่งขายให้เน้นทำกำไรช่วงสั้น ๆ โดยเปิดสถานะขายบริเวณ 2,425-2,430 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,440 ดอลลาร์ หากเข้าซื้อรอราคาทองคำปรับตัวลงแรงมาบริเวณ 2,390-2,396 ดอลลาร์ โดยมีจุดตัดขาดทุนที่ 2,385 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ 41,300 และ 41,100 บาท
แนวต้าน 41,600 และ 41,700 บาท
ราคาทองคำตลาดโลกปรับตัวลง กดดันให้ราคาทองแท่งปรับตัวลงตาม แม้เงินบาทกลับมาอ่อนค่า ซึ่งต้องติดตามการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะกรณีที่สว. 40 คน ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยความสิ้นสุดลงของตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งอาจส่งผลให้เงินบาทอ่อน หากเข้าซื้อแนะนำ Wait&see