แนวโน้มราคาทอง
อาจยังติดต้าน $3,050
- ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังมาตรการภาษีตอบโต้เริ่มมีผลบังคับใช้วันนี้
Gold spot
สูงสุด – 3,052 ดอลลาร์
ต่ำสุด – 2,970 ดอลลาร์
ราคาทองคำแท่ง
สูงสุด – 49,950 บาท
ต่ำสุด – 49,550 บาท
ภาพรวมความเคลื่อนไหวที่ผ่านมา
ราคาทองโลกปรับตัวสูงขึ้นทำจุดสูงสุดภายในวัน ที่ระดับ 3,052.1 ดอลลาร์ ได้รับปัจจัยหนุนจากนักลงทุนเข้าที่เข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยในทองคำ หลังจากทำเนียบขาว ยืนยัน “ภาษีตอบโต้” (Reciprocal Tariffs) ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วกับทุกประเทศทั่วโลก โดยมี 86 ประเทศต้องเสียภาษีเพิ่มขึ้น 11-84% ขณะที่จีนถูกเรียกเก็บภาษีสูงถึง 104% ซึ่งสร้างความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจเสี่ยงเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยมากขึ้น ขณะที่โกลด์แมน แซคส์ ออกมาปรับเพิ่มคาดการณ์ความเสี่ยงที่ สหรัฐฯ อาจเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจขึ้นไปที่ 45% จากเดิมที่ระดับ 35% พร้อมปรับปรับลดคาดการณ์ GDP สหรัฐฯ ลงสู่ระดับ 1.3% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ 1.5%
ตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องติดตาม
คืนนี้ไม่มีการประกาศตัวเลขสำคัญจากทางสหรัฐฯ ติดตามแถลงจาก ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโก และสาขาริชมอนด์ และรายงานการประชุมเฟด
วิเคราะห์ราคาทอง
ราคาทองโลกที่ฟื้นตัวขึ้นมาในช่วงเช้า กำลังทดสอบแนวต้านสำคัญที่ระดับ 3,050 ดอลลาร์ หากผ่านขึ้นไปได้จริง อาจขึ้นทดสอบ 3,100 ดอลลาร์ แต่ประเมินว่าอาจยังผ่านขึ้นไปได้ยาก และให้น้ำหนักในการปรับฐานลงทดสอบแนวรับที่ 2,980 ดอลลาร์อีกครั้ง
ราคาทองตลาดโลก
แนวรับ 2,960 และ 2,930 ดอลลาร์
แนวต้าน 3,050 และ 3,075 ดอลลาร์
ราคาทองโลกที่ปรับตัวขึ้นมา อาจยังคงติดแนวต้านสำคัญที่ระดับ 3,050 ดอลลาร์ จึงแนะนำแบ่งขายทำกำไรเช่นเดิม และรอใช้กลยุทธ์เชิงรับ รอเข้าซื้อสะสมบริเวณแนวรับสำคัญที่ 2,960 ดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่ 3,050 ดอลลาร์ และตัดขาดทุนหากราคาทะลุแนวรับที่ 2,930 ดอลลาร์ลงไป
ราคาทองคำแท่ง 96.5%
แนวรับ : 48,700 และ 48,350 บาท
แนวต้าน : 50,050 และ 50,500 บาท
ทองคำในประเทศที่ฟื้นตัวขึ้นมา ยังประเมินว่าเป็นโอกาสในการแบ่งขายทำกำไร และรอใช้กลยุทธ์เชิงรับ รอเข้าซื้อสะสมบริเวณแนวรับที่ 48,700 บาท โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่ 50,050 บาท และตัดขาดทุนหากราคาทะลุแนวรับที่ 48,350 บาทลงไป